จบปัญหาเรื้อรังต้องใช้ยาแรง "ก้าวไกล" เผยคะแนน "วิโรจน์" ตีตื้นโค้งสุดท้าย

จบปัญหาเรื้อรังต้องใช้ยาแรง "ก้าวไกล" เผยคะแนน "วิโรจน์" ตีตื้นโค้งสุดท้าย

"ชัยธวัช" เผยความนิยม "วิโรจน์" ตีตื้น คาดมีสิทธิชนะช่วงทดเจ็บ ประเมินจากโพลได้เก้าอี้ ส.ก.ราว 20 เขต ชวนคน กทม.จบปัญหาเรื้อรัง ต้องเลือกยาแรง "ก้าวไกล" เข้าบริหาร

เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2565 ที่พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งพรรคก้าวไกล กล่าวบนเวทีปราศรัยใหญ่ของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล ในหัวข้อ รวมพลังอนาคตใหม่ จบปัญหาเรื้อรัง ได้เวลาเลือก “ยาแรง” ตอนหนึ่งว่า วันแรกที่เราเปิดตัวนายวิโรจน์ เป็นผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. ถ้าเปรียบเหมือนการแข่งขันฟุตบอล 5 นาทีแรกเหมือนถูกนำอยู่ 3-0 แต่ตนเชื่อมั่นว่านายวิโรจน์ จะใช้ 15 นาทีสุดท้ายตีเสมอเป็น 3-3 และชนะเป็น 4-3 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นี่ไม่ใช่มโนเข้าข้างตัวเอง แต่เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริง เซียนทุกสำนักไม่เคยให้ราคา ส.ก. จากพรรคก้าวไกล เพราะที่ผ่านมา ส.ก. ล้วนชนะจากคะแนนเสียงจัดตั้งและเครือข่ายอุปถัมภ์ ไม่มีใครเคยคิดว่า ส.ก. แบบพรรคก้าวไกลสามารถช่วงชิงชัยชนะได้ แต่วันนี้โพลทุกสำนักประเมินตรงกันว่าจะมี ส.ก. จากพรรคก้าวไกล เกิน 20 เขต

จบปัญหาเรื้อรังต้องใช้ยาแรง "ก้าวไกล" เผยคะแนน "วิโรจน์" ตีตื้นโค้งสุดท้าย

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า วันนี้เราจะจบปัญหาเรื้อรัง ได้เวลาเลือกยาแรง เพราะปัญหาของ กทม. เกิดขึ้นยืดเยื้อ ยาวนาน และเรื้อรัง ทั้งปัญหาการเดินทางรถโดยสารสาธารณะ น้ำท่วม น้ำขัง ถนน ฟุตบาท เสาไฟฟ้า ระบบการศึกษา และระบบสาธารณสุขของ กทม. นับวันยิ่งต่ำเตี้ยเรี่ยดินยิ่งกว่าต่างจังหวัด ปัญหาการเก็บส่วยจ่ายเงินใต้โต๊ะยิ่งหนักหนาสาหัส ขยะสิ่งแวดล้อม และการจัดสรรพื้นที่การใช้ประโยชน์มีปัญหาไม่เคยเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นปัญหาในเชิงโครงสร้าง ระบบ และเครือข่ายที่คอยแสวงหาผลประโยชน์จากงบประมาณหลายหมื่นล้านต่อปี เราบริหารกทม. ให้ดีไม่ได้ เพราะอำนาจในการจัดการปัญหาถูกกดทับ โดยรัฐบาลส่วนกลาง อีกด้านหนึ่งคือระบบการบริหารที่ไม่โปร่งใส ไม่มีประสิทธิภาพ และไม่รับผิดชอบต่อประชาชน

จบปัญหาเรื้อรังต้องใช้ยาแรง "ก้าวไกล" เผยคะแนน "วิโรจน์" ตีตื้นโค้งสุดท้าย

เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวด้วยว่า กทม. จึงต้องการยาแรงที่ชื่อนายวิโรจน์ ที่กล้าคิด และกลับมามีความหวังอีกครั้งว่า กทม. เปลี่ยนแปลงได้ โดยเข้าไปเข้าคูหากาเบอร์ 1 เลือกนายวิโรจน์เป็นผู้ว่าฯ กทม. และเลือก ส.ก. จากพรรคก้าวไกลทุกเขต เพื่อให้นายวิโรจน์ ส.ก. และพรรคก้าวไกล นำพาเจตจำนงของพี่น้อง กทม. ที่มอบให้ไปชนต้นตอ และเข้าไปปกป้องผลประโยชน์ส่วนใหญ่ของคน กทม. เพื่อเปลี่ยน กทม. เป็นเมืองของคนเท่ากัน คือการมีระบบสวัสดิการที่ดี และคุณภาพชีวิตที่ดีไม่ว่าจะรวยหรือจน

"สภา กทม. มีประชุมทุกสัปดาห์ ซึ่งไปทราบข้อมูลมาว่า ส.ก.ที่มาจากหลักพรรคการเมือง เข้าไปไกล่เกลี่ยผลประโยชน์กัน และมีกิจกรรมที่ได้รับความนิยมคือ การไปดูงานต่างประเทศโดยพาหัวคะแนนและครอบครัวไปด้วยสภา กทม. จึงกลายเป็นสภาโต๊ะจีน ที่มีผู้ว่าฯ กทม. นั่งหลับตาหนึ่งข้างอยู่หัวโต๊ะเพื่อรักษาอำนาจให้ผ่าน 4 ปี โดยที่ประชาชน กทม. ไม่รู้เลยว่าคนเหล่านี้ทำอะไรกัน เราจึงต้องเลือก ส.ก. จากพรรคก้าวไกล เพื่อไม่ให้สภา กทม. เป็นดินแดนสนธยาอีกต่อไป" นายชัยธวัช กล่าว