ฉบับเต็ม! เหตุผล กกต.ถอนชื่อ “อดีตเลขาฯศาลยุติธรรม” พ้นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.

ฉบับเต็ม! เหตุผล กกต.ถอนชื่อ “อดีตเลขาฯศาลยุติธรรม” พ้นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.

เปิดคำวินิจฉัยฉบับเต็ม! เหตุผล กกต.ถอนชื่อ “สราวุธ เบญจกุล” อดีตเลขาธิการศาลยุติธรรม พ้นผู้สมัคร “ผู้ว่าฯ กทม.” โดนมติ ก.ต.ไล่ออกจากราชการ เซ่นคดีปรับปรุงศาลพระโขนง 42.3 ล้านบาท

จากกรณีเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2565 นายสำราญ ตันพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ผอ.กกต.กทม.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ กกต.ได้มีคำวินิจฉัยสั่งถอนชื่อ นายสราวุธ เบญจกุล อดีตเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ออกจากรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 28 เรียบร้อยแล้ว ตามมาตรา 56 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562

เนื่องจากตรวจสอบพบข้อเท็จจริงพบว่าเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้งจากเหตุถูกคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) พิจารณาผิดวินัยร้ายแรง ลงโทษไล่ออกจากราชการ ทั้งนี้ สำนักงานศาลยุติธรรม แจ้ง กกต.กลับมาว่า นายสราวุธถูกไล่ออกตาม มาตรา 77 (1) และ (3) ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 ซึ่ง (1) เป็นเรื่องการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ จึงทำให้เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 50 (8) ที่ระบุว่า เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ

อ่านข่าว: กกต.ถอน “อดีตเลขาฯศาลยุติธรรม” พ้นผู้สมัคร “ผู้ว่าฯ กทม.” พิษคดีศาลพระโขนง

ล่าสุด กรุงเทพธุรกิจตรวจสอบพบว่า ในคำวินิจฉัย กกต.ที่ 436/2565 ลงวันที่ 9 พ.ค. 2565 ลงนามโดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เผยแพร่เหตุผลของ กกต. ในการเพิกถอนนายสราวุธ เบญจกุล พ้นจากผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. มีรายละเอียด ดังนี้

กรณีความปรากฏต่อ ผอ.กกต.กทม.ว่า นายสราวุธ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 28 ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 50 (8) ที่ระบุว่า เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ

กกต. พิจารณาความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นประจำ กทม. ตลอดจนพยานหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว ได้ความว่า ผอ.กกต.กทม. มีหนังสือแจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ครั้งที่ 9/2565 เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2565 มีมติว่า การกระทำของนายสราวุธ เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริต่ตอตำแหน่งหน้าที่ราชการ และไม่ถือและปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและประเพณีของทางราชการ และจริยธรรมของข้าราชการตุลาการ และการไม่ถือและปฏิบัตินั้น เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มาตรา 77 (1) และ (3) สมควรไล่ออกจากราชการ

สำนักงานศาลยุติธรรม มีคำสั่งที่ 404/2565 สั่ง ณ วันที่ 22 เม.ย. 2565 ไล่นายสราวุธออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. 2565 เป็นต้นไป นายสราวุธ จึงเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 50 (8)

อย่างไรก็ดีนายสราวุธมีหนังสือชี้แจงและให้ถ้อยคำว่า ขณะที่ตนลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2565 ตนมิได้เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แต่ต่อมาสำนักงานศาลยุติธรรม มีคำสั่งไล่ตนออกจากราชการ ซึ่งคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรมดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังไม่เป็นที่สุด เนื่องจากก่อนจะมีคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรมดังกล่าว ตนได้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรมที่ 889/2564 สั่ง ณ วันที่ 18 ส.ค. 2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา ตนยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด หากศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้ตนชนะคดี คำสั่งไล่ตนออกจากราชการจะถูกเพิกถอนไป

กกต.เห็นว่า ตามคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรมที่ไล่นายสราวุธออกจากราชการ เพราะกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และไม่ถือและไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผน และประเพณีปฏิบัติของทางราชการ และจริยธรรมของข้าราชการตุลาการ และการไม่ถือและปฏิบัตินั้นเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มาตรา 77 (1) และ (3) ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. 2565 เป็นต้นไป อันเป็นระยะเวลาก่อนวันที่นายสราวุธลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

เมื่อคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรมดังกล่าวยังมีผลใช้บังคับอยู่ และมิได้ถูกเพิกถอนไป ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายสราวุธ เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ จึงเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 50 (8)

จึงมีคำสั่งให้ถอนชื่อนายสราวุธ เบญจกุล ออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

อ่านรายละเอียดฉบับเต็ม คลิกที่นี่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2565 ที่ผ่านมา ที่ประชุม ก.ต. พิจารณาผลการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง กรณีกล่าวหานายสราวุธ เบญจกุล อดีตเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ในคดีโครงการปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนง เป็นศาลแพ่งและศาลอาญาพระโขนง วงเงิน 42.3 ล้านบาท ที่ถูกร้องเรียนถึงปัญหาว่ามีเอกชนเข้ามาดำเนินการปรับปรุงอาคารก่อนที่สำนักงานศาลยุติธรรมจะประกาศประกวดราคา และลงนามทำสัญญากับเอกชนอย่างเป็นทางการ และยังปรับปรุงศาลตลิ่งชันและศาลมีนบุรี รวมเป็น 134 ล้านบาทเศษด้วย โดยที่ประชุม ก.ต. มีมติ 12 ต่อ 3 เสียง เห็นว่า นายสราวุธ ผิดวินัยร้ายแรง และมีมติ  8 ต่อ 7 เสียง เห็นสมควรให้ลงโทษไล่ออกราชการ