สนง.ศาล รธน.แพร่คำวินิจฉัย กก.สรรหาฯคอนเฟิร์ม “วรวิทย์” นั่งประธานฯต่อ

สนง.ศาล รธน.แพร่คำวินิจฉัย กก.สรรหาฯคอนเฟิร์ม “วรวิทย์” นั่งประธานฯต่อ

สนง.ศาลรัฐธรรมนูญ แพร่คำวินิจฉัย กก.สรรหา ปธ.ศาลรัฐธรรมนูญ คอนเฟิร์ม “วรวิทย์ กังศศิเทียม” ไม่มีลักษณะต้องห้าม นั่งเก้าอี้ได้ต่อตามรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2565 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่ เอกสารข่าว ระบุถึงกรณีสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ มีหนังสือที่ ศร 0018.2/351 ลงวันที่ 16 มี.ค. 2565 ไปยังสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เพื่อขอความอนุเคราะห์ดำเนินการต่อประธานกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งของประธานศาลรัฐธรรมนูญ (นายวรวิทย์ กังศศิเทียม) นั้น

บัดนี้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา แจ้งคำวินิจฉัยคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมายังสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแล้ว สรุปได้ว่า นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ซึ่งได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 จึงเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ดำรงตำแหน่งยังไม่ครบวาระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ใช้บังคับ

ต่อมาเมื่อวุฒิสภาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้สมควรดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายนภดล เทพพิทักษ์ บุคคลทั้งสี่และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ยังดำรงตำแหน่งไม่ครบวาระ จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายวรวิทย์ กังศศิเทียม นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ และนายปัญญา อุดชาชน ได้เลือกกันเองให้นายวรวิทย์ กังศศิเทียม เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ และได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2563

จึงถือได้ว่านายวรวิทย์ กังศศิเทียม ได้ดำรงตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในมาตรา 81 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ส่วนบทบัญญัติมาตรา 208 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่บัญญัติว่า "ประธานศาลรัฐธรรมนูญซึ่งลาออกจากตำแหน่งให้พ้นจากตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วย" นั้น เป็นบทบัญญัติที่มีความมุ่งหมายให้ตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญเป็นตำแหน่งที่ต้องได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นการเฉพาะและเพื่อเป็นการป้องกันมิให้มีการสลับตำแหน่งระหว่างประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ดังที่ปรากฎในเอกสารบันทึกความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 หน้า 358

นายวรวิทย์ กังศศิเทียม จึงยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้จนกว่าจะครบวาระตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และมาตรา 273 วรรคหนึ่งของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 79 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561

เมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ได้บัญญัติรับรองสถานะการดำรงตำแหน่งของนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาสรัฐธรรมนูญ ไว้อย่างชัดเจนแล้วในบทเฉพาะกาล

ดังนั้น คณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า นายวรวิทย์ กังศศิเทียม มิได้เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 202 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อันเป็นเหตุให้ต้องพันจากตำแหน่งตามมาตรา 208 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แต่ประการใด

สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ขอเรียนว่า การเสนอต่อคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเกี่ยวกับลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งของประธานศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว เป็นการดำเนินการเพื่อให้มีข้อยุติในกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาคดี และผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ป้องกันปัญหาที่อาจมีคู่กรณี หรือบุคคลภายนอกโต้แย้งความสมบูรณ์ของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในภายหลังได้ รวมทั้งแสดงถึงความเป็นอิสระของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

สนง.ศาล รธน.แพร่คำวินิจฉัย กก.สรรหาฯคอนเฟิร์ม “วรวิทย์” นั่งประธานฯต่อ

สนง.ศาล รธน.แพร่คำวินิจฉัย กก.สรรหาฯคอนเฟิร์ม “วรวิทย์” นั่งประธานฯต่อ