ชาติไทยพัฒนา ประชุมใหญ่ชง "สุวัจน์" ประธานพรรค เตรียมคัดแคนดิเดต "นายกฯ"

 23 เมษายน 2565  ที่ห้องลำปลายมาศ ชั้น 4 โรงแรมแคนทารี่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) โดยนายสุวัจน์  ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานที่ปรึกษา ชพน. เป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 โดยมีนายเทวัญ  ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้า ชพน.

พร้อมนายวัชรพล  โตมรศักดิ์ เลขาธิการ ชพน. และคณะที่ปรึกษา ชพน. ประกอบด้วยนายแพทย์วรรณรัตน์  ชาญนุกูล อดีต รมว.อุตสาหกรรม พันเอกวินัย  สมพงษ์ อดีต รมว.คมนาคม นายประเสริฐ  บุญชัยสุข อดีต รมว.อุตสาหกรรมในฐานะนายกเทศมนตรีนคร (ทน.) นครราชสีมา ผู้บริหารและสมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)

ผู้นำชุมชนและสมาชิกสาขาเขต จ.นครราชสีมา จำนวน 300 คน ร่วมรับฟังการชี้แจงสถานการณ์เศรษฐกิจการเมือง หัวข้อ “ทางออกของประเทศภายหลังการเลือกตั้งและบทบาทที่ผ่านมา วาระพิจารณาให้ความเห็นชอบอนุมัติรายงานการดำเนินกิจการและร่างข้อบังคับ ชพน. พ.ศ 2561 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 รวมทั้งวาระการพิจารณาแต่งตั้งประธาน ชพน.

นายสุวัจน์ ได้รับฉันทานุมัติให้เป็นประธานพรรค ทำให้มีบทบาท หน้าที่มากกว่าตำแหน่งเดิมที่เป็นที่ปรึกษาพรรค ชพน.รวมทั้ง พล.อ ฐิติวัจน์  กำลังเอก รองหัวหน้าพรรคคนที่ 3 ได้ขอลาออกเนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ เปิดเผยว่า การเปิดตัวบุคคลที่มีความเหมาะสมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ยังมีเวลาให้พิจารณาไม่ต้องเร่งรีบขอให้เป็นไปตามลำดับขั้นตอนและสถานการณ์ บุคคลที่ ชพน.คาดหวังคือนักการเมืองรุ่นใหม่สามารถเข้าได้กับทุกฝ่าย

อย่างไรก็ตามยังไม่มีอะไรที่เป็นทางการ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกลไกภายในที่เกี่ยวข้องกับระเบียบในการคัดสรรและเป็นไปตามกฎหมาย ที่ผ่านมามีหลายพรรคเปิดตัวแคนดิเดตพร้อมนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่มีการตื่นตัวทางการเมือง ทำให้ประชาชนมีทางเลือกเยอะขึ้น ขอให้ช่วยกันนำเสนอนโยบายดีๆ นักการเมืองน้ำดี เพื่อให้การเมืองมีคุณภาพได้รับการยอมรับและสามารถแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ

ชพน.ให้ความสำคัญในเรื่องลดความขัดแย้ง ผลกระทบต่อสเถียรภาพการจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะความขัดแย้งสะสม ทำให้การเมืองขาดสเถียรภาพ กลไกของสภาขับเคลื่อนยากลำบาก การประชุมสภาไม่ครบองค์ประชุม ต้องการเห็นภาพประณีประนอมระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหันหน้าพูดคุยกันมีพื้นฐานของความเป็นมิตรกัน การเลือกตั้งครั้งต่อไป พี่น้องประชาชนฝากความหวังกับการเมือง ว่าใครจะเข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศได้ลุล่วง ชพน.มีความเข้าใจปัญหานี้อย่างลึกซึ้ง ถึงเวลาที่จะต้องปรับยุทธศาสตร์ โครงสร้างให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ดังนั้นนักการเมือง ชพน.ต้องมีคุณภาพ มีความพร้อมแก้ไขปัญหาโดเฉพาะด้านเศรษฐกิจ

 

ดังนั้นวันนี้จะมีการนำเสนอที่ประชุม ให้ความเห็นชอบ ในการแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ สาระของการแก้ไข คือยกเลิกตำแหน่งประธานที่ปรึกษา และคณะที่ปรึกษาของพรรค แล้วกำหนดให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการเมือง คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านสังคม ท้องถิ่น และความมั่นคงของประเทศ รวมทั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาประเทศ ในแต่ละคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ฯ ให้มีตำแหน่งประธานพรรค ซึ่งจะเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ทั้งหมด ร่วมกันจัดทำ กำหนดนโยบาย การแก้ไขปัญหาของประเทศด้านเศรษฐกิจหลังจากการเลือกตั้ง  ระดมประสบการณ์ความรู้ความสามารถของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหาของประเทศ มารวมตัวกันอยู่ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ตนคิดว่าหลังจากการเลือกตั้ง ความคาดหวังในการแก้ไขปัญหาของประเทศที่มาจากระบบการเมืองนั้นสูงมาก ดังนั้นพรรคชาติพัฒนาต้องมีการเตรียมความพร้อม สามารถตอบสนอง และบรรลุเป้าหมายที่พี่น้อง ประชาชนต้องการ

สำหรับแนวทางทางออกของประเทศภายหลังการเลือกตั้ง เมื่อสถานการณ์ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งสถานการณ์การเมือง เศรษฐกิจ และโรคโควิด -19 มีผลกระทบต่างๆมากมาย รวมถึงผลกระทบจากปัจจัยภายนอก คือสถานการณ์เศรษฐกิจโลก สงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย ปัญหาราคาน้ำมันที่แพงขึ้น ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ การดำเนินธุรกิจ และการคลัง

มี 7 เรื่องที่ต้องพิจารณาดำเนินการกัน คือ

1. การกระตุ้นเศรษฐกิจ และดูแลสถานการณ์โรคโควิด -19 อย่างต่อเนื่อง

2.สร้างความทันสมัยให้กับประเทศโดยนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้

3.สร้างแพลตฟอร์มใหม่ทางด้านระบบเศรษฐกิจ สู้รบบนจุดแข็ง สิ่งที่เป็นจุดแข็งของประเทศ ต้องเป็นพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจใหม่ เช่นภาคเกษตร ภาคอาหาร ภาคท่องเที่ยว รวมถึง Soft power

4.สร้างระบบดูแลผู้สูงอายุ ให้มีความเข้มแข็ง สามารถสร้างงานสร้างรายได้ในสังคมผู้สูงอายุไม่เป็นภาระแก่บุคคลรอบข้าง

5.สร้างท้องถิ่นให้เข้มแข็ง กระจายอำนาจอย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม  

6.ตระหนักถึงปัญหาโลกร้อน สร้างระบบเตรียมพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กระบวนการอุตสาหกรรม

7.สร้างระบบการเมืองให้เป็นการเมืองที่มีคุณภาพ สร้างสเถียรภาพ มีความเสียสละ และเป็นการเมืองที่ลดความขัดแย้ง

ส่วนสนามเลือกตั้งผู้ว่า กทม. เบื้องต้นไม่ทราบว่าใครจะได้เป็น แต่ กรุงเทพฯ เป็นเมืองใหญ่ ประชากรมีความหลากหลาย ผลการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. สามารถเป็นนำไปใช้โพล ของประเทศไทย สามารถนำไปวิเคราะห์ทิศทางต่อไปสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหญ่ จะมีทิศทางเป็นอย่างไร การเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ครั้งนี้ ถือว่าน่าสนใจน่าติดตาม ดีใจแทนคนกรุงเทพฯ ที่พรรคการเมืองต่างๆ และแคนดิเดตผู้ว่า กทม.ทุกคน ถือเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ เชื่อว่าการเลือกผู้ว่า กทม.ครั้งนี้จะสะท้อน ความคิดของประชาชนต่อการเมืองประเทศ