"พล.ต.ต." โผล่แจงข่าวกล่อมเหยื่อกลับคำให้การ คดีนักการเมืองดัง อนาจารสาว

"พล.ต.ต." โผล่แจงข่าวกล่อมเหยื่อกลับคำให้การ คดีนักการเมืองดัง อนาจารสาว

คดี "ปริญญ์ พานิชภักดิ์"อดีตรองหัวหน้าพรรคในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ ยังอยู่ในความสนใจของสังคม หลัง "ทนายตั๊ม" ออกมาระบุ มีนายตำรวจยศ “พลตำรวจตรี” เข้ามาเกี่ยวพัน ตรวจสอบพบชื่ออักษรย่อ "ท"

22 เม.ย.2565 จากกรณี นายตำรวจยศ "พลตำรวจตรี" ที่ทนายดังอ้างว่า เข้าไปเกี่ยวข้องยุ่งเหยิงกับผู้เสียหายซึ่งเป็นพยานปากสำคัญในคดีกล่าวหา "ปริญญ์ พานิชภักดิ์" อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ล่วงละเมิดทางเพศ

ล่าสุด ทางทีมงาน "ข่าวข้นคนข่าว" ตรวจสอบทราบว่า เป็นนายตำรวจนอกราชการ ชื่อย่อ ท. ตำแหน่งสุดท้ายคืออดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออก ปัจจุบันเกษียณอายุราชการมา 2-3 ปีแล้ว

พลตำรวจตรี ท. ยังมีพี่ชายเป็นตำรวจ ซึ่งเคลื่อนไหวเรื่องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมอย่างดุเดือด

"พลตำรวจตรี ท." ได้บอกกับคนใกล้ชิดว่า ไม่อยากเกี่ยวข้องหรือชี้แจงเกี่ยวกับข่าวที่ออกมา เพราะไม่เป็นความจริง ตัวเขาเพียงแค่รู้จักกับแม่ของผู้เสียหายมานาน 20 ปี หลังจากมีเรื่องเกี่ยวกับถูกล่วงละเมิด คนเป็นแม่ได้โทรศัพท์มาปรึกษาเรื่องเหตุที่เกิดกับลูกสาว และจะให้ไปเป็นเพื่อนแจ้งความ ซึ่งเขาได้ให้คำแนะนำ บอกให้ว่าไปตามกฎหมาย  แต่ไม่ได้ไปพบกัน หรือมีการเจรจาเพื่อให้ยุติเรื่องอะไร รวมทั้งไม่ได้พาไปแจ้งความด้วย

ต่อเนื่องประเด็นร้อนเที่ยวล่าสุด!! “พล.ต.ต.” อักษรย่อ “ท” เข้ามามีส่วนพัวพันในคดีฉาวนักการเมือง ล่าสุดในวันนี้ (22 เม.ย. 2565 ) “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง เดินทางไปยื่นหนังสือต่อ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น.ให้ตรวจสอบตำรวจยศ “พล.ต.ต.” พยายามเข้ามาแทรกแซงคดี และเจรจากับผู้เสียหาย

โดยทาง “ทนายตั้ม” เปิดเผยว่า กรณีที่มีนายตำรวจยศ “พล.ต.ต.” เข้ามาแทรกแซง และได้ชักจูงผู้เสียหาย ให้มีความคิดเปลี่ยนไป จึงอยากให้ ผบช.น.ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของแม่เหยื่อว่า มีการคุยกับตำรวจนายนี้ และมีการต่อสายไปคุยกับนักการเมืองพรรคหนึ่งจริงหรือไม่

ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า ประเด็นนี้เข้าข่ายข่มขู่ บังคับผู้เสียหายหรือไม่ ทาง “ทนายตั้ม” บอกว่า เรื่องนี้ทางตำรวจต้องมีการสืบสวนสอบสวนว่า มีการข่มขู่บังคับจูงใจพยานหรือเปล่า หรือมีการพูดชักจูงให้มีผลเสียต่อรูปคดีหรือไม่

 

เมื่อถามว่า ผู้เสียหาย 15 รายที่มีอยู่ตอนนี้ เป็นเหยื่อที่แท้จริงหรือไม่

ทาง “ทนายตั้ม” ตอบว่า ทั้ง 15 รายที่เข้ามา หรือคนที่เป็นพยาน ยังไม่มีกลิ่นอะไรไม่ดี แต่หลังจากนี้คงต้องระวังฝั่งทางนั้น เพราะผู้ต้องหาตั้งหลักได้แล้ว และคงจะหากลยุทธ์บางอย่างสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง

 

นอกจากนี้ ยังมีประเด็น “ผู้เสียหายอีก 15 คน” และยังได้พูดคุยกับ “เหยื่ออีกคนที่อาศัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษ” โดยมีการประสานคนที่สามารถเดินเรื่องให้เหยื่อรายนี้ที่ต่างประเทศแล้ว โดยเขามีการเก็บหลักฐานอยู่ครบ ทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่ตอนถูกข่มขู่ ที่มีการสารคัดหลั่ง หรือกล้องวงจรปิด

“กรณีนี้เหตุเกิดเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ผู้เสียหายเรียน ป.โท ที่อังกฤษ ส่วนผู้ต้องหาทำงานในธนาคาร โดยมีการให้คำมั่นสัญญาว่า จะทำให้ผู้บริหารช่วยให้เข้าทำงานที่ธนาคารได้ จึงมีการนัดหมายไปยังที่พัก และลงมือข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งเหตุดังกล่าว ทำให้เยื่อรายนี้มีอาการซึมเศร้ารุนแรง ทั้งตัดผม โกนหัว ย้ายที่อยู่ และลดน้ำหนักจนลดฮวบ และที่เสียใจที่สุด คือมีผู้หญิงไทยจากสถานทูต เข้ามาเกลี้ยกล่อมว่า..อย่าดำเนินคดีเลย”