'บิ๊กโจ๊ก' เผยออกหมายจับคนใกล้ชิด 'แอม ไซยาไนด์' หลังพบแคปซูลผสมไซยาไนด์ในรถ

"บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์" เผย ขอศาลอนุมัติหมายจับคนใกล้ชิด "แอม ไซยาไนด์" มีส่วนร่วมเกี่ยวข้องช่วยเหลือในการกระทำผิด หลังค้นรถของอดีตสามีพบยาแคปซูลผสมไซยาไนด์ในรถ ส่วนตัวแอมถูกออกหมายจับฆ่าผู้อื่น 13 คดี และคดีพยายามฆ่าอีก 1 คดี

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มายังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีการจับกุมกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้ามาในประเทศ ซึ่งถูกจับกุมในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี รวม 115 ราย เมื่อหลายวันก่อน เพื่อสรุปผลการสอบสวนและคัดแยกกลุ่มแรงงานต่างด้าวดังกล่าว รวมถึงการเตรียมดำเนินการผลักดันกลับประเทศของตนเอง

โดยหลังการประชุม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้กล่าวถึงความคืบหน้า ในคดีการจับกุมแอม ไซยาไนด์ ว่า จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการขอศาลอนุมัติหมายจับตัวของแอมเอง ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น รวมทั้งสิ้น 13 หมายจับ จากผู้เสียชีวิตที่ตรวจพบล่าสุดรวม 14 ราย โดยยังคงมีคดีที่เกิดในพื้นที่ สน.ทองหล่อ เมื่อปี 2548 อีกหนึ่งคดี ที่ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับ นอกจากนี้ ก็ยังมีการออกหมายจับแอม ในคดีพยายามฆ่าอีกหนึ่งคดี ซึ่งผู้เสียหายที่ถูกวางยาแล้วรอดชีวิตมาได้ เป็นภรรยาของ ผบ.ร้อย กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน ที่เป็นเพื่อนกับอดีตสามีของแอม ที่เป็นตำรวจระดับรองผู้กำกับ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้ให้พนักงานสอบสวนขอศาลออกหมายจับผู้ใกล้ชิดกับแอม หนึ่งคน ที่พบว่ามีส่วนร่วมเกี่ยวข้องและให้ความช่วยเหลือในการกระทำผิด ซึ่งสังคมน่าจะรู้ดีว่าเป็นใคร เนื่องจาก ผลการตรวจค้นรถฮอนด้า ซีวิค ที่เป็นรถที่แอมและอดีตสามีที่เป็นรองผู้กำกับ ใช้ร่วมกันนั้น ตรวจพบยาแคปซูลที่ระบุว่าเป็นยาสมุนไพร แต่จากการตรวจสอบตัวยาภายในพบว่ามีไซยาไนด์ผสมอยู่ด้วย อีกทั้ง จากพฤติกรรมการก่อเหตุของแอมเอง ที่มักจะลงมือก่อเหตุช่วงสุดสัปดาห์ วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เป็นหลัก และหลังก่อเหตุยังมีพฤติกรรมการเดินทางออกนอกพื้นที่ไปค้างคืนที่ต่างจังหวัดคล้ายพยายามสร้างหลักฐานที่อยู่ให้ตัวเอง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ เชื่อว่าจะต้องมีคนคอยสอนและบอกให้ทำ เพื่อให้พ้นจาการตรวจสอบของตำรวจ แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ดี

นอกจากนี้ ทางตำรวจยังได้มีการตรวจสอบบัญชีของดาบตำรวจนายหนึ่ง ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่พบว่าบัญชียังมีเงินเข้าออกอยู่เป็นระยะ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแอมหรือไม่ รวมทั้ง ได้มีการเรียกตัว ตำรวจหญิง ระดับพันตำรวจโทหญิง ที่เคยถูกแอมเข้ามาตีสนิทและหยิบยืมเงินไปสอบปากคำเพิ่มเติมแล้วด้วยเช่นกัน ส่วนประเด็นที่ว่า แอมเคยทำงานขายประกันชีวิตนั้น ขณะนี้ ตำรวจกำลังตรวจสอบว่าผู้ที่เคยมาซื้อประกันชีวิตกับแอม ยังคงมีชีวิตอยู่หรือไม่ทั้งหมดด้วย
 

ผู้สื่อข่าว ได้พยายามติดต่อพูดคุยกับ ตำรวจหญิง ระดับพันตำรวจโทหญิง ที่ถูกเรียกตัวเข้ามาสอบปากคำ แต่เจ้าตัวปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ แต่ยังคงให้ข้อมูลถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ตนเองทำงานและรู้จักสนิทสนมกับสารวัตรนุ้ย หนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นอย่างดี ซึ่งสารวัตรนุ้ย ก็ได้แนะนำให้รู้จักกับแอม ที่เป็นภรรยาของนายตำรวจระดับรองผู้กำกับ ที่ในขณะนั้น ทำหน้าที่เป็นนายเวรหน้าห้องผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด กระทั่ง ช่วงเดือนธันวาคม 2565 แอมได้เริ่มเข้ามาพูดคุยขอยืมเงินหลายครั้ง โดยอ้างว่า นำเงินไปทำธุรกิจ และนำเงินไปเป็นค่าทนายความสู้คดีที่ถูกโกง รวมแล้วถูกแอมยืมเงินไป 330,000 บาท และแอมได้ใช้คืนมาแล้ว 190,000 บาท ยังคงค้างอยู่อีก 140,000 บาท ซึ่งตลอดช่วงเวลาที่รู้จักกับแอมนั้น แอมมักจะชวนตนเองและสารวัตรนุ้ยเล่นแชร์และไปดูดวงด้วยกัน แต่ตนเองเป็นคนที่ไม่ชอบเล่นแชร์และไม่เชื่อเรื่องการดูดวง จึงปฏิเสธตลอด ทำให้แอมไม่มีโอกาสที่จะได้อยู่กับตัวเองแบบสองต่อสอง ตนเองจึงยังรอดชีวิตมาได้