จัดหนัก! 'แอม ไซยาไนด์' กองปราบเพิ่มข้อหา ย้ำโทษสูงสุดประหารชีวิต

จัดหนัก! 'แอม ไซยาไนด์' กองปราบเพิ่มข้อหา ย้ำโทษสูงสุดประหารชีวิต

กองปราบส่งชุดสอบลงพื้นที่สอบปากคำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสารพิษ-สารเคมี มุ่งประเด็นจำนวนปริมาณส่งผลถึงชีวิต ประกอบสำนวนคดีเอาผิด “แอม ไซยาไนด์” มั่นใจหลักฐานแน่นหนา เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 3 ข้อหาโทษหนักถึงประหารชีวิต

คดี แอม ไซยาไนด์ ฆาตกรรมต่อเนื่องมากกว่า 10 ศพ ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 27 เม.ย. 66 พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. (รองผู้การกองปราบ) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือแอม วางยาฆ่าชิงทรัพย์ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย ว่า ในวันนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน กก.5 บก.ป. เร่งติดต่อประสานไปยัง นางกานติมา แพสอาด หรือ ปลา อายุ 36 ปี เหยื่อผู้รอดชีวิต 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

และ น.ส.นิภาวรรณ ขันวงษ์ หรือ ส้ม อายุ 35 ปี พี่สาวของ น.ส.ศิริพร ผู้ตาย และ นายรพี ชำนาญเรือ แกนนำประชาชนเพื่อประชาชน ผู้ที่พาครอบครัวผู้ตายมาแจ้งความ มาเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองปราบ ในฐานะพยานเพื่อสักถามเกี่ยวกับพฤติกรรมแวดล้อม

พ.ต.อ.เอนก กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้พนักงานสอบอีกชุดหนึ่ง ลงพื้นที่สอบปากคำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสารพิษ และสารเคมี เพื่อซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับความอันตรายของสารไซยาไนด์ 

โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับจำนวนปริมาณของสารไซยาไนด์ ที่จะส่งผลให้เกิดอันตรายกับร่างกายจนถึงชีวิต เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีควบคู่พยานหลักฐานผลตรวจสารพิษที่พบในร่างกายของผู้ตาย ทั้งนี้ก็เพื่อให้สำนวนคดีมีความแน่นหนาสามารถมัดตัวผู้กระทำผิดได้

“มั่นใจว่าคดีนี้เรามีพยานหลักฐานแน่นหนามากพอที่จะเอาผิดนางสรารัตน์หรือแอม ผู้ต้องหาได้ และขณะนี้เองทางพนักงานสอบสวนก็เตรียมที่จะพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ในลักษณะของอนุข้อกล่าวหา จากเดิมที่เป็น ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง เพิ่มเป็น “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์” ซึ่งข้อหาทั้งหมดที่ว่านี้ล้วนมีโทษหนักถึงประหารชีวิต และยังเพิ่มข้อหาเอาสารพิษให้ผู้อื่นบริโภคและลักทรัพย์” รอง ผบก.ป. กล่าว