กทม.เตือนสุนัขบ้าน40%เป็นโรคพิษสุนัขบ้า

กทม.เตือนสุนัขบ้าน40%เป็นโรคพิษสุนัขบ้า

กทม.เตือนสุนัขบ้าน 40% เป็นโรคพิษสุนัขบ้า จี้นำตัวฉีดวัคซีน พบยอดสุนับจรจัดทั่วกรุงเกิน 1 แสนตัว

ที่ศูนย์ควบคุมสุนัข กทม. เขตประเวศ นายพีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ควบคุมสุนัขกทม. โดยนายพีระพงษ์ กล่าวว่า กทม.มีความห่วงใยปัญหาโรคพิษสุนัขบ้าทั้งในคนและสัตว์ โดยมีเป้าหมายให้กรุงเทพฯปลอดโรคพิษสุนัขบ้า ตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก และองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ ที่จะให้โรคพิษสุนัขบ้าหมดไปจากภูมิภาคทั่วโลกภายในปี พ.ศ.2563 ซึ่งศูนย์ควบคุมสุนัขกทม. เป็นสถานที่รองรับปัญหาร้องเรียนเรื่องสุนัขจรจัดและแมวจรจัดในพื้นที่สาธารณะของกรุงเทพฯ โดยนำสุนัขจรจัดและแมวจรจัดที่ได้รับการร้องเรียนมาพักพิง ส่วนสัตว์ที่ถูกจับมาจะต้องนำมากักกันเพื่อคัดกรองโรคเบื้องต้น ก่อนฉีดวัคซีนและทำหมันเพื่อลดการแพร่พันธุ์ ซึ่งปัจจุบันมีสุนัขจรจัดและแมวจรจัดที่ถูกกักกันอยู่ที่ศูนย์ควบคุมสุนัขแห่งนี้ประมาณ 800 ตัว ภายหลังจากการเลี้ยงอนุบาลแล้ว ก็จะทำการขนย้ายไปไว้ที่ศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดกทม. ที่จังหวัดอุทัยธานีเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อลดความหนาแน่นในพื้นที่ศูนย์แห่งนี้ เพราะที่ศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดที่จังหวัดอุทัยธานี รองรับสุนัขได้ประมาณ 7,000-8,000 ตัว โดยปัจจุบันมีสุนัขที่ถูกกักกันอยู่ประมาณ 5,500 ตัว   

นายพีระพงษ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ จากข้อมูลการสำรวจสถิติประชากรสุนัขในกรุงเทพฯ มีสุนัขที่มีเจ้าของ หรือสุนัขบ้าน ประมาณ 6 แสนตัว ส่วนสุนัขที่ไม่มีเจ้าของหรือสุนัขจรจัด ประมาณ 1 แสนตัว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากผู้เลี้ยงนำมาปล่อยตามสถานที่สาธารณะเพราะไม่สามารถเลี้ยงดูต่อได้ หรือมีการขยายพันธุ์ของประชากรสุนัขโดยไม่มีการควบคุม อีกทั้งยังก่อให้เกิดปัญหาการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งที่ผ่านมากทม.ได้ดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่มีรายงานคนกรุงเทพฯเสียชีวิต และจำนวนโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์มีแนวโน้มลดล แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงเป็นเรื่องโรคพิษสุนัขบ้าที่สามารถพบได้ตลอดทั้งปี โดยพบว่ากว่า 40 เปอร์เซนต์ของสุนัขที่มีเจ้าของเป็นโรคพิษสุนัขบ้า แต่กทม.จะพยายามป้องกันการระบาด โดยการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนนำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นประจำทุกปี ทำหมัน และจดทะเบียนฟรี ได้ที่คลินิกสัตวแพทย์กทม.ทุกแห่งและสำนักงานสัตวแพทย์สาธารณสุขในวันและเวลาราชการ หรือหน่วยเคลื่อนที่ที่ออกให้บริการในชุมชนต่างๆ ได้