จับตาความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอาจส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุน

จับตาความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอาจส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุน

จับตาการลงมติไม่ไว้วางใจ 4 ก.ย.

สื่อในประเทศรายงานความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาของพรรคแกนนำรัฐบาลที่มีสัญญาณของความไม่เป็นเอกภาพในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล 1-4 ก.ย. รวมถึงมีการรายงานถึงการรวบรวมส.ส.เพื่อที่จะไม่ลงเสียงสนับสนุนนายกรัฐมนตรีในการลงมติในวันที่ 4 ก.ย. ทำให้เราประเมินสถานการณ์ดังนี้ 1) ในกรณีที่นายกรัฐมนตรี ยังคงได้รับการลงมติไว้วางใจ เสถียรภาพทางการเมืองที่เปราะบางจะเป็นปัจจัยลบกับการลงทุน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่นายกรัฐมนตรีอาจพิจารณายุบสภา หากไม่ต้องการเสี่ยงกับการเผชิญสถานการณ์ไม่ได้รับการสนับสนุนลักษณะนี้ ในการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 2) ในกรณีนายกไม่ได้รับความไว้วางใจ ครม.จะต้องพ้นสภาพ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเราประเมินนักลงทุนอาจมองความเปลี่ยนแปลงในกรณีนี้เป็นบวก อย่างไรก็ตามตัวเลือกของนายกรัฐมนตรีที่แต่ละพรรคเสนอชื่อไปในการเลือกตั้งที่ผ่านมาจะเหลือจำกัด และอาจต้องใช้คะแนนเสียงรับรองของวุฒิสมาชิก ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองมีความซับซ้อน

หุ้นขนาดใหญ่และกลุ่มคู่สัญญาของรัฐคาดชะลอตัว เราประเมินหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มโรงไฟฟ้าและหุ้นที่เป็นคู่สัญญากับรัฐ อาทิ รับเหมาก่อสร้าง วันนี้อาจชะลอตัวหรือย่อตัวก่อนหน้าการลงมติไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 4 ก.ย. ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็ก ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากความกังวลการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อาจมีแนวโน้มเคลื่อนไหวได้ดีกว่า

ปัจจัยกำหนดทิศทางการลงทุนในช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้า 1) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรคืนนี้ ตลาดคาดออกมาดีและเป็นปัจจัยหนุนเฟดประกาศกรอบเวลาของการเริ่มลด QE ในการประชุม 21-22 ก.ย. 2) การขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้นไทยจำนวนมากในช่วงสัปดาห์หน้า และ 3) การประชุมธนาคารกลางยุโรป 9 ก.ย. ซึ่งอาจจะมีการส่งสัญญาณของการลด QE เช่นกัน

ธีมการลงทุนระยะสั้น กลุ่มสื่อสารและ REITs ยังเป็นแหล่งพักเงินที่ดี ในช่วงที่ตลาดกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงการปรับประมาณการผลประกอบการที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เรามองทยอยสะสม ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART / ทยอยสะสมสาธารณูปโภค GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW / กลุ่มอาหารและเกษตร TVO, TU, CPF, GFPT, TWPC / เก็งกำไร กลุ่มเดินเรือ PSL, TTA, RCL / เก็งกำไรกลุ่มบรรจุภัณฑ์ SCGP, BGC / เก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุนกลุ่มเปิดเมือง BBL, SCB, KBANK, CPN, CRC, MINT (มีร.ร.ในตปท.), SHR (มีร.ร.ในตปท.) / เก็งกำไรทางเทคนิค MDX, TH, VNG, SKN, WIIK, FSMART, MFEC

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัว 1,643-1,660 จุด ธีมเก็งกำไรเด่นยังเป็นการหมุนสลับหุ้นปลอดภัยอย่างสื่อสาร คาดความไม่แน่นอนทางการเมืองทำให้หุ้นใหญ่อาจชะลอ และหนุนแรงเก็งกำไรหุ้นเล็กขึ้นมาสลับ อย่างไรก็ตามควรกำหนดจุดตัดขาดทุนและแบ่งทำกำไรทุกครั้ง//หุ้นแนะนำ: CRC*, ADVANC*, FSMART*, SAPPE*

แนวรับ: 1,643/ แนวต้าน : 1,650-1,660 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

ประเด็นการลงทุน

เร่งยกระดับ 5 คลัสเตอร์อุตสาหกรรม สอดรับ BCG. ส.อ.ท. เร่งผลักดันโมเดลเศรษฐกิจ BCG ตามนโยบายรัฐ โดยมีเป้าหมายให้เศรษฐกิจเติบโตและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เตรียมนำร่องใน 5 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ ปิโตรเคมี, วัสดุก่อสร้าง, อาหาร, ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, รวมถึง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม

ยูโรแข็งค่าหลัง ECB หนุนคุมเข้มนโยบายการเงิน. เงินยูโรเทียบดอลลาร์ฯ แข็งค่าแรงหลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) หลายรายออกมาสนับสนุนให้ ECB เริ่มคุมเข้มนโยบายการเงิน หลังตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 10 ปี

KTC. เผยศึกษาโมเดลปล่อยสินเชื่อดิจิทัล ชี้เป็นโอกาสขยายช่องรับทรัพย์ รับคลายล็อกดาวน์หนุนยอดสินเชื่อ Q4/2564 พุ่ง

EA.ประเดิมส่งมอบรถบัสไฟฟ้า (EV Bus) แล้ว เดือนนี้คาดส่งมอบ 120 คัน โกยรายได้กว่า 1 พันล้านบาท จ่อเซ็นต์สัญญาลูกค้าเพิ่ม มั่นใจปีนี้ส่งมอบรถได้ 500 คัน ขณะที่โรงงานแบตเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ภายในต้นไตรมาส 4/2564

ประเด็นติดตาม: -  9 ก.ย. – ประชุม ECB / 15 ก.ย. – ประกาศผู้ผ่านเทคนิคไฟฟ้าชุมชนเพิ่ม

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)