สมาพันธ์แรงงานฯจี้นายกฯ 'เยียวยา' โควิด

สมาพันธ์แรงงานฯจี้นายกฯ 'เยียวยา' โควิด

(ชมคลิปข่าวด้านล่าง)


สืบเนื่องจากสถานการณ์วิกฤตการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ที่กำลังระบาดไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ ณ ปัจจุบันมีประชากรทั้งโลกติดเชื้อสะสมมากกว่า 211 ล้านคน เสียชีวิตไปแล้ว มากกว่า ๔.42 ล้านคน
ในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 1,030,281 คน เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 9,087 คน (ข้อมูล 22 ส.ค.๖๔) สถานการณ์การระบาดในประเทศไทยขณะนี้เข้าสู่ภาวะวิกฤต สภาพปัญหาทั่วทั้งประเทศติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีบุคลากรทางการแพทย์และผู้เกี่ยวข้องติดเชื้อเพิ่มขึ้น เครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอย ยารักษาโรค มีไม่เพียงพอที่จะดูแลรักษาผู้เจ็บป่วย ขณะที่วัคซีนที่รัฐบาลจัดหามาฉีดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันก็ยังไม่เพียงพอ และการดำเนินการจัดหาวัคซีนเป็นไปด้วยความล่าช้าไม่ทันต่อสถานการณ์ เป็นเหตุให้ประชาชนเกิดการติดเชื้อ เจ็บป่วย ล้มตาย เพิ่มมากขึ้นทุกวัน มาตรการควบคุมการระบาดยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะยับยั้งการติดเชื้อเจ็บป่วยล้มตายของประชาชนได้ ขณะที่มาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบยังไม่ครอบคลุม ทั่วถึงและเพียงพอ ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสกันถ้วนหน้าอยู่ในขณะนี้


เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังที่กล่าวมาข้างต้นเป็นกรณีเร่งด่วน คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.) สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และเครือข่ายแรงงาน จึงมีข้อเสนอให้รัฐบาลดำเนินการตามข้อเรียกร้อง ดังต่อไปนี้
**มาตรการป้องกันการแพร่ระบาด การรักษา และการเยียวยาของผู้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-๑๙
ให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณ และบุคลากร เพื่อดำเนินการตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-
๑๙ ให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงโดยไม่เลือกปฏิบัติ ดำเนินการเชิงรุกในสถานประกอบการ หน่วยงานทั้งของรัฐ เอกชน แคมป์พักคนงาน และชุมชนต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง และให้รัฐบาลจัดหาชุดตรวจโควิดด้วยตัวเอง Antigen Test Kit ให้กับประชาชนอย่างเร่งด่วน
ให้รัฐบาลดำเนินการจัดหาโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอย เครื่องมืออุปกรณ์
บุคลากรทางการแพทย์-สาธารณสุข ยารักษาโรคให้เพียงพอต่อการให้บริการประชาชนอย่างเร่งด่วน
ให้รัฐบาลดำเนินการจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์-สาธารณสุข
และประชาชนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ทั่วถึงโดยเร่งด่วนที่สุด รวมถึงการบริหารจัดการวัคซีนให้โปร่งใส เป็นธรรม ให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนอย่างไม่เลือกปฏิบัติทั้งที่เป็นคนไทย และต่างชาติที่อาศัย และทำงานในประเทศไทย
ให้รัฐบาลประกาศเป็นนโยบายและมีมาตรการรองรับให้หน่วยงานของรัฐ และเอกชน ที่มีความพร้อมในเรื่องงบประมาณสามารถจัดหาวัคซีนโดยผ่านหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยว
ข้องได้ เพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาเรื่องการบริหารจัดการวัคซีนให้มีประสิทธิภาพ
มากยิ่งขึ้น อีกด้านหนึ่งก็เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระงบประมาณของรัฐและควรดำเนินการอย่างเร่งด่วนที่สุด
ให้สำนักงานประกันสังคมดำเนินการจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ฉีดให้กับผู้ประกันตนทุกคนโดยเร่งด่วนที่สุด
ให้รัฐบาลสนับสนุนการป้องกันการรักษา ตามภูมิปัญญาของไทยด้วยการสนับสนุน
ยาสมุนไพรของไทย เช่น ฟ้าทะลายโจร หรืออื่น ๆ ที่พิสูจน์ทางการแพทย์และการปฏิบัติจริงว่าสามารถใช้รักษาโรคโควิด-๑๙ ได้ และให้มีการวิจัยพัฒนาสมุนไพรอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการวิจัยการผลิตวัคซีนโดยภูมิปัญญาของคนไทย
ให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่
ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ให้ครอบคลุมทั่วถึงโดยไม่เลือกปฏิบัติอย่างเร่งด่วนที่สุด

**มาตรการช่วยเหลือประชาชนในการลดค่าใช้จ่ายช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ให้รัฐบาลปรับลดค่าน้ำประปา ไฟฟ้า ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาลงให้มากที่สุด หรือ
เป็นการให้เปล่า โดยที่รัฐบาลจัดงบประมาณให้เพียงพอแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนการดำเนินชีวิตของประชาชนในช่วงวิกฤต ซึ่งจะได้ประโยชน์กับประชาชนในทุกครัวเรือนทั่วประเทศโดยไม่ต้องเสียเวลาลงทะเบียน
ให้รัฐบาลปรับลดค่าโดยสารขนส่งมวลชนสาธารณะลง หรือ ไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะแม้บางส่วน
จะทำงานที่บ้าน แต่ก็มีหลายสาขาอาชีพที่ต้องเดินทางไปทำงาน หรือประกอบอาชีพ โดยให้รัฐบาลจัดงบประมาณให้เพียงพอแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลต้องสร้างมาตรการควบคุมราคาพลังงาน เช่น น้ำมัน แก๊ส สินค้าอุปโภค บริโภคไม่ให้มี
ราคาสูง และเอาผิดกับผู้ประกอบการที่ฉกฉวยโอกาสขึ้นราคาเพราะถือเป็นการเอาเปรียบประชาชน เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายยิ่งขึ้น
รัฐบาลต้องหามาตรการในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค
โควิด-๑๙ ในการประกอบอาชีพปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ เนื่องจากไม่สามารถขายผลผลิตได้ หรือ ผลผลิตมีราคาตกต่ำ รวมถึงธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม ให้สามารถดำเนินธุรกิจไปได้และให้รักษาการจ้างงานเพื่อให้คนงานมีรายได้ในการดำเนินชีวิต ซึ่งถือเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ยั่งยืน
รัฐบาลต้องสร้างมาตรการและกลไกในการดูแลอย่างเข้มข้นต่อสตรีมีครรภ์ และเด็ก ที่มีมาตรฐาน
ทั้งเรื่องป้องกัน การตรวจ การรักษา ที่อยู่อาศัย และการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะกลุ่มคนเหล่านี้เป็นกลุ่มเสี่ยงหากป่วย หรือติดเชื้อ ที่อาจต้องสูญเสียทั้งแม่ และบุตรได้ง่าย
สถานการณ์แพร่การระบาดของโรคโควิด-๑๙ ในหลายพื้นที่ขณะนี้เข้าสู่ภาวะวิกฤตขั้นสูงสุดทั้งในเรื่องของการแพร่ระบาด วิกฤตการณ์ด้านเศรษฐกิจ และวิกฤตการณ์ทางด้านสังคมซึ่งได้ส่งผลกระทบ
ต่อการดำเนินชีวิต ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ในทุกภาคส่วน ทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรม บริการ สถานประกอบการ ร้านค้าเล็ก ใหญ่ ครอบคลุมทั้งในเขตเมืองและชนบท ซึ่งหากล่าช้าไม่ทันต่อสถานการณ์อาจลุกลามเป็นวิกฤตการณ์ทางด้านการเมือง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อเสนอที่เป็นประโยชน์และได้กลั่นกรองจากพื้นที่ต่าง ๆ ของพี่น้องผู้ใช้แรงงานและประชาชนจะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลโดยเร่งด่วนที่สุด และหากมีสิ่งไหน กิจกรรมใดที่ขบวนการสหภาพแรงงานจะสนับสนุนในการป้องกัน และช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานและประชาชน ในยามวิกฤตนี้ได้ก็ยินดี เพียงแต่ขอให้รัฐบาลดำเนินการอย่างจริงจัง และจริงใจ

"รวมพลังแรงงานไทย ต้านภัยโควิด-๑๙ หยุดเชื้อ สร้างมาตรการป้องกัน
หยุดแพร่ระบาด โควิดต้องพินาศ ประชาชนต้องพ้นภัย"

คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.)
สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.)
และเครือข่ายแรงงาน
23 สิงหาคม 2564