คร. เผยแอสตร้าฯ ส่งวัคซีนเดือน ก.ย. 7.2 ล้านโดส

คร. เผยแอสตร้าฯ ส่งวัคซีนเดือน ก.ย. 7.2 ล้านโดส

คร. เผยแอสตร้าฯ ส่งวัคซีนเดือน ก.ย. 7.2 ล้านโดส ส่วนแผนปี 65 จัดหาหลายชนิด 120 ล้านโดส เบื้องต้นไฟเซอร์-แอสตร้าฯยี่ห้อละ 50 ล้านโดส หากวัคซีนรุ่น2 มีประสิทธิภาพ-ความปลอดภัย ขอให้ส่งมอบเป็นรุ่น 2

     เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 21 ส.ค.2564 ในการแถลงสถานการณ์โควิด 19 ของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า  เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2564 มีการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น 609,435 โดส ฉีดสะสมแล้ว 26,428,101 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 19,973,692 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 5,920,614 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 533,795 ราย  จะเห็นได้ว่าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาฉีดได้ระดับวันละ 5-6 แสนโดส และช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจันทร์-ศุกร์ฉีดได้ราว 2-3ล้านโดส เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยครอบคลุมอย่างน้อย 1 เข็มแล้ว 27.7 %ของประชากร แยกตามชนิดวัคซีนเป็นซิโนแวคราว 12 ล้านโดส แอสตร้าฯราว 11 ล้านโดส ซิโนฟาร์ม 2.4 ล้านโดส และไฟเซอร์ราว 5 แสนโดส

     

     

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า จำนวนวัคซีนที่เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่เดือนก.พ. 2564 ที่มีวัคซีนซิโนแวคและแอสตร้าฯเข้ามา จนถึงขณะนี้วันที่ 20 ส.ค. 2564  ทั้งหมดมี 30 กว่าล้านโดสทั้งซิโนแวค แอสตร้าฯ ซิโนฟาร์มและไฟเซอร์โดยการจัดซื้อและรับบริจาค  จะเห็นได้ว่าตั้งแต่มิ.ย.-ครึ่งเดือนส.ค.วัคซีนที่เข้ามามีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สอดคล้องกับการฉีดและความต้องการในการฉีด  ยกตัวอย่างของแอสตร้าฯช่วงเดือนมิ.ย.มีวัคซีนเข้ามาประมาณ 5 ล้านโดส ก.ค.ราว 5 ล้านโดส และส.ค. 5 ล้านโดส โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 5-6 ล้านโดสต่อเดือน 

     “สำหรับเดือนก.ย.เป็นต้นไป สธ.ตามสัญญาก็จะมีการเจรจากับบริษัทแอสตร้าฯประเทศไทยเป็นระยะ และแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนว่าต้องการได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการฉีดวัคซีนของประชาชนมีมาก ทางบริษัทก็ได้มีการตอบสนอง อย่างเช่นเดือนก.ย.ก็ได้มีการส่งสัญญาณว่าจะมีการส่งวัคซีนให้ประเทศไทย 7.2 ล้านโดส  เชื่อว่าในการเจรจาจะมีวัคซีนเข้ามาตามที่ต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ จะสอดคล้องกับการฉีดของประเทศไทย”นพ.โอภาสกล่าว

นพ.โอภาส กล่าวด้วยว่า สำหรับการจัดหาวัคซีนปี 2565 ดูแนวโน้มการฉีดวัคซีนอาจจะจำเป็นต้องฉีดบูสเตอร์โดสเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้สูง เนื่องจากข้อมูลหลายแห่งพบว่าหลังฉีดวัคซีน 2 เข็มไม่ว่าฉีดวัคซีนยี่ห้อใดก็ตาม ภูมิคุ้มกันจะตกลง การฉีดเข็มที่ 3 จะเป็นการกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันสูงขึ้น และการฉีดวัคซีนในเด็กซึ่งขณะนี้มีการวิจัยในหลายบริษัท หลายประเทศถึงความจำเป็นในการฉีดวัคซีนกลุ่มเด็ก ดังนั้น ในปี 2565 จะมีการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมอย่างน้อย 120 ล้านโดส และให้มีวัคซีนที่มีความหลากหลายในการฉีด ทั้งชนิดmRNA ชนิดเชื้อตาย ชนิดไวรัลเวคเตอร์ หรือชนิดโปรตีนซํบยูนิต เป็นต้น  โดยเบื้องต้นแสดงเจตจำนงนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ 50 ล้านโดส และแอสตร้าฯ 50 ล้านโดส ส่วนจะเป็นแบบไหนนั้น ขณะนี้มีหลายบริษัทมีการผลิตรุ่น 2 หากบริษัทสามารถผลิตรุ่น 2 ที่มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ก็ขอให้ส่งเป็นรุ่น 2 ส่วนเรื่องจำนวนและระยะเวลาจัดส่งจะมีการเจรจากันต่อ