กระจายแล้ว!'วัคซีนไฟเซอร์' กระตุ้นเข็ม 3ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์

วันนี้ (5ส.ค.2564 )พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวันว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ เพิ่มขึ้น  20,920 ราย แบ่งเป็น ผู้ติดเชื้อรายใหม่  20,650ราย ผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 262 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 8 ราย  ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมระลอกใหม่เดือนเม.ย.2564 จำนวน 664,442ราย

ส่วนภาพรวมตั้งแต่ปี 2563 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 693,305 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 160 คน ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2564 มียอดผู้เสียชีวิตสะสมสูงถึง 5,569 คน แล้ว ขณะที่ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 5,663  คน

โดยวันนี้มีผู้ป่วยหายกลับบ้าน  17,926ราย ทั้งนี้ มีผู้หายป่วยสะสมระลอกเดือน เม.ย.2564 จำนวน 446,306ราย สำหรับผู้ป่วยรักษาอยู่ในโรงพยาบาล  213,910 ราย แบ่งเป็น ในรพ. 87,150 ราย และรพ.สนามและอื่นๆ 129,760 ราย อาการหนัก 4,993 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,058 ราย

ส่วนผู้รับวัคซีน ข้อมูลตั้งแต่ 28 ก.พ.- 4 ส.ค. 2564 พบว่ามีผู้รับวัคซีนแล้ว 18,961,703 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 14,783,001 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 4,178,702 ราย

 

• เริ่มกระจาย 'วัคซีนไฟเซอร์'ฉีดกระตุ้นเข็ม 3 แก่บุคลากรทางการแพทย์

พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้มีการรายงานการจัดส่ง วัคซีนไฟเซอร์ เพื่อกระตุ้นภูมิเข็ม 3 ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์  โดยในพื้นที่กทม. ได้แก่ รพ.จุฬาลงกรณ์ รพ.ศิริราช รพ.รามาธิบดี รพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รพ.ราชวิถี และสถาบันบำราศนราดูร  ส่วนในต่างจังหวัด มีการจัดส่งไป ที่รพ. พุทธโสธร จ.ฉะเชิงเทรา รพ.พระปกเกล้า จ.ชลบุรี รพ.สมุทรปราการ รพ.นครนายก  รพ.สระบุรี และรพ.ระยอง

นอกจากนั้น มีการให้ฉีดในกลุ่มนักเรียนไทยที่จะไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ ขอให้ผู้เข้าข่ายผู้ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ สแกนคิวอาร์โคด  จะได้รับการลงทะเบียน และมีอีเมล์ยืนยัน นัดหมายการฉีดวัคซีน เป็น SMS กลับไปที่โทรศัพท์ ขอให้ศึกษารายละเอียด และลงทะเบียนโดยด่วน

• ยอดผู้ลักลอบเข้าไทยตลอด 1 ปี 4 หมื่นกว่าราย

พญ.อภิสมัย กล่าวต่อไปว่า  มีการรายงานผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยเข้าทางช่องทางธรรมชาติอย่างผิดกฎหมาย โดยข้อมูลสถิติตั้งแต่ก.ค.2563 ถึงปัจจุบัน พบว่า มีการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ทั้งหมด  44,168 ราย จับได้ที่ชายแดน 30,000 กว่าราย และจับได้ที่ชั้นใน ประมาณ 10,000 กว่าราย ในจำนวนนี้มีผู้นำพา 441 คน และเฉพาะในเดือนก.ค. จับกุมได้  4,300 คน ซึ่งในส่วนนี้ กระทรวงกลาโหมได้มีข้อมูลที่ฝากไปยังทุกจังหวัด โดยเฉพาะแนวชายแดนให้เฝ้าระมัดระวังอย่างเข้มงวด

ส่วน จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด  ในประเทศรายใหม่ วันที่ 5 ส.ค.2564 ใน 10 อันดับแรก ได้แก่ กทม. 4,140 ราย สมุทรปราการ 1,326 ราย ชลบุรี 1,311 ราย สมุทรสาคร 1,279 ราย นนทบุรี 754 ราย สระบุรี 494 ราย ปทุมธานี 463 ราย  ฉะเชิงเทรา 449 ราย  และพระนครศรีอยุธยา 427 ราย  

• ผู้เสียชีวิต 160 ราย 67% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสูงอายุ 

ทั้งนี้ สำหรับ ผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิต  160  ราย มีดังนี้ กทม. 78   ราย  สมุทรปราการ  ปทุมธานี จังหวัดละ 8 ราย นนทบุรี นครสวรรค์ จังหวัดละ 7 ราย สมุทรสาคร ปัตตานี ชลบุรี จังหวัดละ 6 ราย ระยอง 4 ราย ร้อยเอ็ด เพชรบูรณ์ ตาก จังหวัดละ 3 ราย กาฬสินธุ์ นครราชสีมา สกลนคร  จังหวัดละ 2 ราย และสงขลา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี นครพนม บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู อุดรธาน อุบลราชธานี ชัยนาท อุทัยธานี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ราชบุรี และสระแก้ว จังหวัดละ 1 ราย

ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่  HT DM  ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคอ้วน หลอดเลือดสมอง โรคปอด โรคหัวใจ ติดเตียง ตั้งครรภ์  ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ได้แก่ คนในครอบครัว คนอื่นๆ (ร่วมงาน ข้างบ้าน) อาศัย/ไปพื้นที่ระบาด ไปที่แออัด  อาชีพเสี่ยง  HCW หรือพนักงานเปล และระบุได้ไม่ชัดเจน

ส่วนค่ากลาง (วันที่ทราบผลติดเชื้อ-เสียชีวิต) 10  วัน (นานสุด 36 วัน) อายุ 60 ปีขึ้นไป 107 ราย (67%) อายุต่ำกว่า 60 ปี มีโรคเรือรัง 36 ราย (23%) ไม่มีโรคเรือรัง 15 ราย (9%)ตั้งครรภ์ 2 ราย( 1%)      

สำหรับจำนวนผู้ป่วย-ผู้ติดเชื้อในชุมชนรายวัน กทม. ปริมณฑล ต่างจังหวัด และภาพรวมประเทศ ระลอกเม.ย.2564 พบว่าวันที่ 5 ส.ค.2564 ผู้ป่วยในต่างจังหวัด 71 จังหวัด 12,318 หรือ 60% ขณะที่กทม.และปริมณฑล 8,332หรือ 40%

• ย้ำปชช.เลือกซื้อชุดตรวจต้องเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกและน้ำลายเท่านั้น

ส่วน จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่ วันที่ 5 ส.ค.2564 ใน 10 อันดับแรก ได้แก่ กทม. 4,140 ราย สมุทรปราการ 1,326 ราย ชลบุรี 1,311 ราย สมุทรสาคร 1,279 ราย นนทบุรี 754 ราย สระบุรี 494 ราย ปทุมธานี 463 ราย  ฉะเชิงเทรา 449 ราย  และพระนครศรีอยุธยา 427 ราย  

พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่าในวันนี้ กทม.มีตัวเลขขึ้นไปถึง 4,140 คน ซึ่งอธิบดีกรมควบคุมโรคได้มีการรายงานถึงการตรวจเชิงรุก การใช้ ชุดตรวจแอนติเจน (Antigen Test Kit) ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่ให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจได้ง่าย ได้ผลเร็ว และประหยัด ซึ่งกรมส่งเสริมบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขได้มีการปรับระเบียน ให้พี่น้องประชาชนสามารถหาตรวจได้ด้วยตนเอง

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ขึ้นทะเบียนชุดตรวจที่สามารถใช้ได้เองเรียกว่า Self Test หรือ Home Use มีทั้งหมด 19 ยี่ห้อ (ข้อมูล ณ วันที่ 2 ส.ค. 64) แบ่งเป็น 17 ยี่ห้อ ตรวจตัวอย่างจากจมูก 1 ยี่ห้อ ที่ตรวจได้ทั้งจมูกและน้ำลาย และ 1 ยี่ห้อ ที่ตรวจด้วยน้ำลาย  ดังนั้น เวลาเลือกซื้อ ต้องเลือกแบบที่เก็บจากโพรงจมูกหรือน้ำลายเท่านั้น อย่าเลือกซื้อที่เก็บตัวอย่างหลังโพรงจมูก เพราะใช้สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ในการดำเนินการ และต้องซื้อในร้านขายยาเท่านั้น ยังไม่อนุญาตให้ซื้อออนไลน์ หรือร้านสะดวกซื้อ เนื่องจากอาจจะไม่ได้มาตรฐาน

ส่วนชุดทดสอบที่ผ่าน อย.19 ยี่ห้อ ต้องดูว่าเป็น แอนติเจน หรือแอนติบอดี ซึ่งจะต้องเป็นชนิด แอนติเจนเท่านั้น และต้องดูว่าเป็นการเก็บตัวอย่างจากไหน อย่างไร ตอนนี้มีสนับสนุนให้โรงงาน สถานประกอบการได้เรียนรู้วิธีการตรวจ เพื่อที่จะได้ไปเก็บตัวอย่างในสถานบุคลากรได้ ซึ่งขณะนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มีการอบรมไปแล้ว เกิน 1,000 คน และจะมีการเปิดอบรมเร็วๆ นี้

เช่นเดียวกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่ได้มีการจัดหางบประมาณ ตอนนี้อนุมัติชุดตรวจทางห้องปฎิบัติการ Antigen Test Kit  จำนวน 8.5 ล้านชุด เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถเบิกจ่ายได้

โดยสรุป พี่น้องประชาชน ต้องเลือกชุดตรวจที่ได้มาตรฐาน และหาซื้อได้เฉพาะสถานพยาบาล หรือร้านขายยา และต้องเลือกให้ถูกชนิด เป็น Antigen Test Kit   เท่านั้น  ยี่ห้อต้องขึ้นทะเบียน อย.ซึ่งตอนนี้มี  19 ยี่ห้อ รวมถึงสามารถเข้าดูวิดีโอสาธิต ได้ที่เว็บไซต์กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์