อาวดี้ ‘คิว3’ เบาๆ ง่ายๆ แต่ใจแรง 

ช่วงปลายไตรมาสแรก อาวดี้ (Audi) เสริมตลาดคอมแพคท์ เอสยูวี คิว 3 (Q3) อีก 3 รุ่นย่อย ซึ่งรวมถึงตัวท็อปตัวแรง อย่าง "อาร์เอส คิว3 สปอร์ตแบ็ค ควอตโทร ส่วนรุ่นพื้นฐานอาวดี้บอกว่าตามคำเรียกร้องของลูกค้า คือ การเสริมรุ่นเครืองยนต์ใหญ่ขึ้น คือ 2.0 ลิตร

มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (ควอทโทร) ใช้รหัสต่อท้าย “40” จากเดิมจำหน่ายรุ่นเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร ขับเคลื่อนล้อหน้า รหัส “35”

และสำหรับ “คิว 3 สปอร์ตแบค 40 ทีเอฟเอสไอ ควอทโทร เอส ไลน์ แบล็ค อีดิชั่น” ตัวใหม่นี้ย้งมาพร้อมกับสีใหม่ที่เป็นสีเฉพาะเรียกว่า “Dew Silver” สวยงามถูกใจครับ เป็นสีที่ดูล้ำสมัย มองแล้วก็ผ่อนคลาย เข้าได้กับทุกเส้นทาง จะขับขี่ในเมืองหรือว่าลุยป่าลุยดงก็ตาม 

ภาพที่ถ่ายมา อาจจะดูไม่ชัดเจนเท่ากับเห็นสีจริงครับ 

ยิ่งอยู่บนรูปทรงที่โฉบเฉี่ยวของสปอร์ตแบค ยิ่งทำให้น่าขับยิ่งขึ้น ซึ่งพูดถึงตัวถังสปอร์ตแบค ผมชอบตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว การออกแบบดูลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเส้นสาย ต่างๆ มัดกล้ามโดยเฉพาะด้านข้าง และรูปทรงของอุปกรณ์อื่นๆ ที่เข้ากันได้ดี ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้า ไฟ หรือช่องดักลม

ขนาดกำลังเหมาะ ดูกะทัดรัด คล่องตัว ยกเว้นว่าใช้งานกับครอบครัวใหญ่

คิว 3 สปอร์ตแบค 40 ทีเอฟเอสไอ ควอทโทร เอส ไลน์ แบล็ค อีดิชั่น เสริมความดุดันด้วย ชุดแต่งภายนอก แบล็ค อีดิชั่น เช่น กระจกมองข้างที่ใช้สีดำเงา ซึ่งตัดกับ Dew Silver ได้โดดเด่นทีเดียว

เช่นเดียวกับขอบกระจกประตู ราวหลังคา กระจังหน้า กันชนหน้าหลัง หรือว่าสเกิร์ตข้าง ก็ตกแต่งด้วยสีดำเงาเช่นกัน 

ส่วนภายในห้องโดยสารนั้น ยกระดับขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 

เบาะหนังคู่หน้าเป็นแบบสปอร์ต โดยมีสัญลักษณ์  S line ประทับลงไปแบบกลมกลืน นั่งได้สบาย ด้านหลังแม้ดูว่าพื้นที่ช่วงเข่าไม่มากนัก แต่ก็ไม่มีผลมากนัก นั่งได้สบาย และมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวหลังด้วย โดยเบาะแถวหลังสามารถเลื่อนไปด้านหน้าได้ หรือพับเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้าย แต่ว่าพับแล้วไม่ถึงกับราบเสียทีเดียว 

จอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว เห็นชัดเจน จอมอนิเตอร์แบบสัมผัส (MMI touch) ขนาด 8.8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง แอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ ผ่านระบบ Audi smartphone interface ใช้ระบบนำทางผ่านกูเกิล แม็พส์ จากแอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์ได้ ช่วยเพิ่มความสะดวกได้มากทีเดียว 

ออปชั่นอื่นๆ เพื่อความสะดวกสบาย และการควบคุมรถ เช่น

• ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ แยกอิสระ 2 โซน
• กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
• พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมแพดเดิลชิฟท์ให้เปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง
• ระบบครูสคอนโทรล เสียดายว่าเป็นแบบความเร็วคงที่ ซึ่งผมว่าไม่เหมาะกับการจราจรบ้านเราที่ขับรถกันไม่เป็นระเบียบสักเท่าไรนัก ยกเว้นถ้าโชคดีเจอเส้นทางที่โล่งจริงๆ 

 

กุญแจคอมฟอร์ทคีย์ การเปิด-ปิด ฝาท้ายด้วยไฟฟ้าแบบไม่ต้องใช้มือควบคุมเซ็นเซอร์ใต้ส่วนท้ายของรถ แค่แหย่เท้าเข้าไปเท่านั้น สะดวกต่อการใช้งานสำหรับผู้ที่ถือของพะรุงพะรังได้ดี 

เบรกมือไฟฟ้า และระบบล็อคเบรกขณะรถจอดนิ่ง หรือ ออโต้เบรกโฮลด์ ซึ่งผมชอบโดยเฉพาะเมื่อขับขี่ในเมือง ซึ่งปัจจุบันระบบนี้ก็มีแพร่หลาย ตั้งแต่รถระดับราคาหลักแสน เบรก เอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรก

ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TCS) ระบบควบคุมการทรงตัว (ESC) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control) เซ็นเซอร์หน้า-หลัง กล้องแสดงภาพด้านหลัง เพื่อช่วยในการถอยรถเข้าจอด

ถุงลม 6 ตำแหน่ง ด้านหน้า ด้านข้าง และม่านถุงลม

เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร

• กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,900-6,000 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,400-3,940 รอบ/นาที
• อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 7.8 วินาที

กำลังเครื่อยนต์ เพียงพอและอัตราเร่ง ถือว่ารวดเร็วสำหรับรถใช้งาน แต่ที่โดดเด่นคือ จังหวะการเปลี่ยนความเร็ว หรือจังหวะที่ต้องการอัตราเร่ง มาได้รวดเร็วทันอกทันใจ คันเร่งเบาแตะนิดแตะหน่อยก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มันทำให้ต้องควบคุมตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่าผ่อนหน่อย เมื่อเห็นตัวเลขความเร็วมันพู่งขึ้นไปสูง

ผมพูดเล่นๆ กับเพื่อนฝูงว่า เป็นรถที่ไม่เหมาะกับการขับช้าๆ 

นั่นหมายถึงการตอบสนองของเครื่องยนต์ครับ แต่ว่าภาพรวมจริงๆ มันก็เหมาะกับเป็นรถที่ขับกินลมชมวิว ด้วยทัศนวิสัยที่ดี การควบคุมรถง่ายๆ การออกแบบภายในห้องโดยสาร โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่นั่งด้านหน้าดูปรอดโปร่ง ผู้ขับขี่ก็ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่าย ระยะการควบคุมของมือหรือเท้าเหมาะสม ช่วยให้ขับได้เพลินๆ บนเส้นทางเขาที่กำลังเขียวสดหลังได้ฝนไปหลายห่า

แต่เมื่อเร่งรีบขึ้นมา อย่างที่บอกครับว่า กำลังเครื่องยนต์พร้อมจะตอบสนองความต้องการอย่างเต็มที่ ช่วยให้เร่งแซง หรือ ปีนไต่ทางชันได้สบายๆ 

จุดเด่นอีกอย่างที่ต้องพูดถึงคือ ความสามารถในการยึดเกาะถนน ที่ทำได้ดี ช่วยให้ควบคุมได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางภูเขา รวมถึงทางเปียกๆ เพราะเจอฝนไปหลายช่วง ส่วนทางราบไม่ต้องพูดถึง รถนิ่ง สบายๆ

จริงๆ แล้วการรีดจุดเด่นของการยึดเกาะถนนให้เห็นได้ชัดเจนนี่ผมว่าเป็นทางราบนี่แหละ เพราะต้องเปลี่ยนช่องทางไปมาบ่อยครั้ง อย่างรวดเร็ว และเป็นการเปลี่ยนช่องทางที่เรียกว่า 2 จังหวะ คือออกซ้าย หรือขวาอย่างรวดเร็ว และดึงพวงมาลัยกลับเพื่อให้รถอยู่ในช่องทางใหม่ที่รถย้ายไป ซึ่งการขับแบบนี้หลายคนอาจจะต้องใช้บ่อยๆ เพื่่อหลบหลีกรถที่เกะกะบนถนน ครั้นจะไหลตามไปเรื่อยๆ ก็ไม่รู้ว่าจะสิ้นเปลืองเวลาไปเท่าไร เพราะไม่มีทางรู้เลยว่าอยู่เลนไหนแล้วจะไปได้เร็วที่สุด 

การโยกรถเปลี่ยนเส้นทางแล้วดึงกลับอย่างรวดเร็ว การยึดเกาะถนน การทรงตัว และการให้ตัวการโยนตัวมีผลมาก ถ้ารถไม่แม่นพอ หรือตัวถังโยนตามแรงเหวี่ยงที่มากเกินไป ทำสักครั้งสองครั้งก็คงต้องหาวิธีการขับรูปแบบใหม่ 

แต่สำหรับเจ้าเอสยูวีสีเงินเย็นตา คันนี้ มันทำได้สบายๆ 

แน่นอนนอกจากเรื่องของช่วงล่าง และการเซ็ตต่างๆ แล้ว ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็มีส่วนช่วยมาก หากสามารถกระจายกำลังไปยังล้อต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม และรวดเร็ว ซึ่ง คิว 3 คันนี้เด่นมาก

แต่หากขับช้าๆ ขับในเมือง หรือ ขึ้น-ลง ลานจอดรถ เมื่อหักพวงมาลัยเร็วๆ ล้อหน้ามีอาการขืนให้รู้สึกได้ แต่ก็ไม่มีผลอะไรกับการใช้งานนัก

โดยรวมแล้ว คิว 3 สปอร์ตแบค 40 ทีเอฟเอสไอ ควอทโทร เอส ไลน์ แบล็ค อีดิชั่น คันนี้ เป็นรถที่ให้ความรู้สึกขับง่ายๆ เบาๆ สบายๆ ทั้งคันเร่ง พวงมาลัย หลายคนอาจจะบอกว่ามันขาดอารมณ์หนักๆ แบบที่รถอารมณ์สปอร์ตพึงมี

แต่เชื่อเถอะครับ เบาๆ สบายๆ อย่างนี้ ขับสนุกไม่แพ้ใครเหมือนกัน