คลังรัฐเร่งลงทุนดิจิทัลรับบริบทใหม่หลังโควิด

คลังรัฐเร่งลงทุนดิจิทัลรับบริบทใหม่หลังโควิด

คลังแนะรัฐเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเน้นดิจิทัลรับบริบทใหม่หลังวิกฤตโควิด-19 ชี้สร้างมูลค่าเพิ่มสูงกว่าการลงทุนด้านอื่น

นายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยว่า สศค.ได้ศึกษาผลกระทบของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ต่อเศรษฐกิจ พบว่า หากเศรษฐกิจไทยลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเท่ากันจำนวน 100 บาท การเร่งลงทุนด้านดิจิทัลจะสร้างมูลค่าเพิ่มลงสู่ระบบเศรษฐกิจเฉลี่ยได้ 94.1 บาทต่อปี และ สร้างมูลค่าเพิ่มสะสมในอีก 5 ปี ข้างหน้าได้สูงถึง 727 บาท

ดังนั้น เศรษฐกิจไทยในอนาคตควรเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานให้เพียงพอ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงข่ายคมนาคมดิจิทัลที่ครอบคลุมและเชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึงสอดรับกับบริบทเศรษฐกิจใหม่หลังวิกฤตโควิด-19

เขากล่าวว่า หากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะถือเป็นโอกาสสำคัญที่ภาครัฐจะเร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ให้มีความพร้อม เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการเติบโตระยะยาวและสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั่วโลก

ทั้งนี้ หากใช้ตารางปัจจัยการผลิตและผลผลิตจำนวน 100 สาขา เพื่อศึกษาผลกระทบของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในอีก 5 ปีข้างหน้า(2565-2569)จำนวน 2.2 ล้านล้านบาท โดยสมมติให้เบิกจ่ายได้ 70% จะพบว่า การลงทุนดังกล่าวจะสร้างมูลค่าเพิ่มในทุกสาขาการผลิตโดยรวมเฉลี่ยเท่ากับ 231,476 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นผลกระทบต่อจีดีพี 1.23%

นอกจากนี้ ในการจัดลำดับความสำคัญเชิงนโยบาย จะพบว่า หากมีการจัดสรรงบประมาณลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเท่ากับจำนวน 100 บาท การลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะสร้างมูลค่าเพิ่มลงสู่ระบบเศรษฐกิจเฉลี่ย 94.1 บาทและมูลค่าเพิ่มสะสมตลอด 5 ปี จำนวน 727 บาท ส่วนหนึ่งเกิดจากการลงทุนดังกล่าวมีส่วนรั่วไหลออกจากระบบน้อยกว่าและเกิดมูลค่าเพิ่มภายในประเทศที่สูงกว่าการลงทุนด้านอื่นๆ

“นโยบายยกระดับการลงทุนของไทยควรมุ่งเน้นไปที่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานให้เพียงพอ โดยเฉพาะการลงทุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ครอบคลุมและเชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึงสอดรับกับบริบทเศรษฐกิจใหม่หลังวิกฤตโควิด-19” 162704018974