'ลองกิ' จับมือพัธมิตรดัน 'เทคโนโลยีโซลาร์เซลล์' หวังครองตลาดโลก!

'ลองกิ' จับมือพัธมิตรดัน 'เทคโนโลยีโซลาร์เซลล์' หวังครองตลาดโลก!

LONGi (ลองกิ) ผู้นำเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์แสงอาทิตย์ ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ได้ประกาศความร่วมมือกับผู้พัฒนาโครงการชั้นนำ เช่น Gulf และ Green Yellow เพื่อส่งมอบแผงเซลล์แสงอาทิตย์ขนาด 250MW ในประเทศไทย

ซึ่งจากการคาดการณ์ประจำปีของ IHS ระบุว่า ลองกิ ครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 31% ในประเทศไทย ทั้งนี้การติดตั้งโซลาร์เซลล์ในประเทศไทยเริ่มเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2562 และแม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 การติดตั้งเชิงพาณิชย์และเชิงอุตสาหกรรมยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่มีอุปสรรคมากนัก ตลาดในไทยส่วนใหญ่เน้นการลงทุนสร้างสินทรัพย์ระยะยาว (CAPEX) เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง โดยที่ลูกค้าไม่ได้ส่งกระแสไฟฟ้าไปยังโครงข่ายไฟฟ้า

โมดูลของลองกิ ที่ใช้เวเฟอร์ขนาด 182 มม. ได้รับการยอมรับในวงกว้างจากทั้งพันธมิตรและลูกค้าในไทย เนื่องจากด้านมูลค่าเพิ่มขึ้นในระหว่างการขนส่ง ขนส่ง ทั้งยังใช้งานได้ดีและออกแบบระบบได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนั้นยังได้รับการยกย่องในเรื่องประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือสูงด้วย

 

ซึง ลองกิมีความมุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีโมโนคริสตัลไลน์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และได้ทุ่มทุนกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการวิจัยและพัฒนาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา โดยลองกิ เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า การส่งมอบโซลูชันที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนการเติบโตและความสำเร็จในระยะยาวสำหรับพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทเป็นสิ่งสำคัญ บริษัทยังเดินหน้าขยายฐานการดำเนินงานในตลาดเอเชียแปซิฟิก รวมถึงประเทศไทยเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางของคาร์บอน

ทั้งนี้ ลองกิ ก่อตั้งขึ้นในปี 2544 เป็นองค์กรด้านเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำของโลก บริษัท มีความมุ่งมั่นในระยะยาว และไม่หยุดยั้งต่อเทคโนโลยีโมโนคริสตัลไลน์ โดยเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าการนำไปใช้โดยทั่วไปจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ทั้งหมดได้ ด้วยฐานการผลิต 15 แห่งและสาขามากกว่า 30 แห่งทั่วโลก ลองกิได้ผลิตโซลาร์โมโนคริสตัลไลน์เวเฟอร์แบบซิลิคอนและโมดูล พร้อมส่งมอบโซลูชันสำหรับระบบสถานีไฟฟ้าแบบกระจายตัวและติดตั้งบนพื้นดิน อีกทั้งยังส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ทั่วโลกและขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน ลองกิได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์เป็นอันดับสูงสุดในอุตสาหกรรมเป็นเวลาหลายปีติดต่อกัน และในปี 2563 บริษัทได้กลายเป็นผู้ผลิตรายแรกที่จัดส่งโมดูลมากกว่า 20 จิกะวัตต์ (GW) ในหนึ่งปี

ซึ่งการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาที่สูงอย่างต่อเนื่องของลองกิ เป็นปัจจัยสำคัญในความสำเร็จและบริษัทได้นำเทคโนโลยีและกระบวนการใหม่ ๆ มาใช้กับการผลิตขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความก้าวหน้าที่สำคัญในการควบคุมต้นทุนและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ จนทำใหเในปี  2563 ที่ผ่านมา ลองกิกลายเป็นบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกของจีนที่เข้าร่วมโครงการ RE100, EV100 และ EP100 ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ที่ไม่มีคาร์บอนและการพัฒนาอย่างยั่งยืน