สรรพากรเร่งผู้มีรายได้กว่าล้านคนยื่นแบบเดือนนี้

สรรพากรเร่งผู้มีรายได้กว่าล้านคนยื่นแบบเดือนนี้

กรมสรรพากรเร่งให้คนอีกกว่า1 ล้านคน ที่ยังไม่ได้ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ยื่นเสียภาษีก่อนสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อไม่ต้องโดนเบี้ยปรับเงินเพิ่มตามกฎหมาย ในจำนวนดังกล่าวเป็นผู้ค้าออนไลน์ราว 1 แสนราย ซึ่งได้ส่งหนังสือไปแจ้งเตือนแล้ว

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากรเปิดเผยว่า ภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ จะเป็นกำหนดวันสิ้นสุดการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนั้น จึงขอเร่งให้บุคคลธรรมดาที่มีรายได้เข้ามายื่นแบบชำระภาษี เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนของเบี้ยปรับเงินเพิ่ม

ทั้งนี้ จนถึงเมื่อวานนี้ (24มิ.ย.) มีผู้ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามาแล้ว 9.6 ล้านราย ขณะที่ กรมฯคาดว่า ในปีนี้จะมีคนต้องยื่นแบบราว 11 ล้านคน ดังนั้น จึงเหลือคนอีกว่า 1 ล้านคนที่ยังได้ยื่นแบบ

เขากล่าวด้วยว่า หากผู้มีเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดา ไม่ได้ยื่นแบบตามกำหนด จะต้องเสียเงินเพิ่ม(ดอกเบี้ย)ให้กับกรมสรรพากร ในอัตรา 1.5 % ต่อเดือนของค่าภาษี และกรณีที่เจ้าหน้าที่ออกหมายเรียก เนื่องจาก ชำระภาษีต่ำไปหรือขาดไป จะต้องเบี้ยปรับไม่เกิน 2 เท่าของค่าภาษี

สำหรับผู้ที่ยื่นแบบภาษีและได้รับการคืนเงินไปแล้วนั้น จนถึงปัจจุบันกรมฯได้เร่งคืนไปแล้วราว 90 % ของวงเงินที่ยื่นขอคืนภาษีเข้ามา หรือคิดเป็นวงเงินที่คืนไปแล้วราว 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังมีอีกราว 10 % ที่ยังไม่ได้รับคืน ซึ่งเป็นเพราะระบบ Data Analytic ของกรมฯได้ตรวจสอบพบว่า ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กรมกำหนด เช่น บางรายมีรายได้จากหลายแหล่ง แต่อาจลืมยื่นรายได้ดังกล่าวเข้ามาด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องขอเอกสารจากผู้เสียภาษีเพิ่มเติม

เขากล่าวอีกว่า ในปีนี้กรมฯได้ส่งหนังสือเตือน (noticefication Letter)กว่าหนึ่งแสนฉบับให้กับผู้เสียภาษี ซึ่งหนึ่งในนั้น เป็นผู้ที่มีรายได้จากการค้าขายผ่านระบบออนไลน์ เพื่อเตือนให้ทราบว่า คุณอาจจะยังไม่ได้แจ้งรายได้ทั้งหมดของคุณ ซึ่งบางรายอาจไม่ได้เจตนา

“การออกหนังสือแจ้งเตือนดังกล่าว ไม่ได้มีเจตนาที่จะขูดรีดภาษีจากประชาชน แต่เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้สียภาษีทุกคน ที่จะต้องเสียภาษีอย่างเท่าเทียมกัน แม้ว่าในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เป็นวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ แต่ก็ยังมีบางธุรกิจที่ยังสามารถทำรายได้และมีกำไร เช่น ธุรกิจเวชภัณฑ์, โลจิสติก์,โรงพยาบาล,ผู้รับเหมาก่อสร้างงานดของภาครัฐ ,รวมถึง ธุรกิจประกัน และธุรกิจที่ให้สินเชื่อรายย่อยต่างๆ”

เขากล่าวอีกว่า ในปีนี้กรมฯได้เร่งคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น และรวมถึงการเร่งคืนภาษีเงินได้นิติบุคคล จนถึงปัจจุบันเป็นเงินคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลมาแล้ว 2.4 หมื่นล้านบาท ดังนั้น เมื่อรวมเม็ดเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ที่กรมฯได้คืนออกไปแล้วรวม 5.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีส่วนในการช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ

นอกจาการเร่งคืนภาษี เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้เสียภาษีแล้ว กรมฯยังได้ดำเนินการอีกหลายมาตรการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในขณะนี้ เช่น การลดอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย ในกรณีที่ผู้ประกอบการมีรายได้จากค่าเช่า จากปกติที่ต้องหัก ภาษี ณ ที่จ่าย ( Withholding Tax) ในอัตรา 5 % ลงเหลือ 2 % โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องใช้ระบบ e-withholding tax เป็นต้น