‘อังกฤษ’ ติดโควิด สูงสุดในรอบ 5 เดือน

‘อังกฤษ’ ติดโควิด สูงสุดในรอบ 5 เดือน

"อังกฤษ" เผย ยอดผู้ติดโควิด-19 กลับมาเพิ่มสูงสุด นับตั้งแต่กลาง ก.พ. 63 แต่แผนการยกเลิกข้อจำกัดโควิด-19 วันที่ 19 ก.ค.นี้ ยังคงดำเนินต่อไป

อังกฤษ รายงานการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพิ่ม 11,625 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมงของวันที่ 22 มิ.ย.2564 ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือน ก.พ. ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 4,651,988 ราย และตรวจพบผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 27 ราย ทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตรวม 128,008 ราย โดยนับเฉพาะผู้เสียชีวิตภายใน 28 วัน หลังมีผลตรวจโรคเป็นบวกครั้งแรก 

นิโคลา สเตอร์เจียน นายกรัฐมนตรีสกอตแลนด์ ประกาศว่าข้อจำกัดควบคุมโรคโควิด-19 ในปัจจุบันจะมีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ 19 ก.ค. ซึ่งสอดคล้องกับแผนการของอังกฤษ

ก่อนหน้านี้ สเตอร์เจียนหวังจะลดให้สกอตแลนด์อยู่ในระดับศูนย์ของระบบความเสี่ยงโรคโควิด-19 ที่แบ่งเป็น 5 ระดับ ภายในวันที่ 28 มิ.ย. แต่มิอาจเป็นเช่นนั้นเนื่องจากยอดผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น 40%

ขณะเดียวกันแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษ ระบุว่า อังกฤษยังดำเนินงานตามแผนการเพื่อยกเลิกข้อจำกัดโรคโควิด-19 ที่เหลือทั้งหมดภายในวันที่ 19 ก.ค. พร้อมให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวสกาย นิวส์ (Sky News) ว่าคณะผู้เชี่ยวชาญกำลังจัดทำแผนการอนุญาตผู้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วสามารถเดินทางไปยังกลุ่มประเทศที่กำหนดโดยไม่ต้องกักตัวหลังเดินทางกลับถึงอังกฤษ

ปัจจุบันประชาชนในอังกฤษฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสแรกแล้วกว่า 43.1 ล้านคน และฉีดครบโดสแล้วมากกว่า 31.4 ล้านคน

ข้อมูลล่าสุดจากสำนักสาธารณสุขอังกฤษ ระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า มีประสิทธิภาพป้องกันการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา ได้ถึง 92% เมื่อฉีดครบสองโดส ขณะวัคซีนของไฟเซอร์ มีประสิทธิภาพอยู่ที่ 96%

มีรายงานว่า คณะผู้เชี่ยวชาญกล่าวเตือนว่า เชื้อไวรัสอาจกลายพันธุ์ต่อเนื่องในช่วงหลายปีข้างหน้า และท้ายที่สุดวัคซีนที่มีในปัจจุบันอาจไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อ ติดเชื้อ หรือต่อสู้กับโรคโควิด-19 ที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ๆได้