โรลส์-รอยซ์ โกสต์ นั่งสบาย ย้ายมาขับ ก็สนุก

ช่วงเดือน ก.พ. ผู้บริหาร "โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก" ในกลุ่ม เอ็มจีซี-เอเชีย ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการบอกผมในงานเปิดตัว “โกสต์” ว่า อายุเฉลี่ยลูกค้าทั่วโลกลดลง รวมถึงไทย จาก 53 ปี เหลือ 43 ปี และข้อมูลลูกค้าที่มาซื้อรถอยู่ที่ 25-70 ปี และยังพบว่ากลุ่มผู้หญิงเพิ่มมากขึ้นด้วย 

และที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ มีกลุ่มที่ต้องการขับรถเองมากกว่าการนั่งที่เบาะหลังมากขึ้น

คิดว่าส่วนหนึ่งคงเป็นผลมาจากการมีสินค้าที่ตอบสนองได้หลากหลายมากขึ้น มีรถหลายรูปแบบให้เลือก รวมถึงเอสยูวีที่กำลังมาแรง

แต่ว่าวันนี้ตัวที่ทำตลาดได้ดีที่สุดในตลาดเมืองไทย คือ “โกสต์” ครับ

ตอนงานเปิดตัวผู้บริหารบอกว่าบริษัทเปิดให้จอง โกสต์ ตั้งแต่ช่วงที่เปิดตัวในตลาดโลกเดือน ก.ย.2563 ซึ่งมียอดจองเข้ามา 20 คัน ซึ่งนั่นหมายถึงตั้งแต่เดือน ก.พ. นะครับ ถึงวันนี้ก็น่าจะมียอดเพิ่มเข้ามาอีกไม่น้อย 

ส่วนหนึ่งที่โกสต์ ได้รับความนิยม เพราะมีความหลากหลายในการใช้งานมากกว่า จะใช้ให้ดูหรูหรา นั่งเบาะหลังเหมือนกับต้วท็อปอย่าง แฟนธอม ก็ได้ แต่ถ้านึกจะขับเอง แฟนธอม อาจจะไม่เหมาะ แต่ โกสต์ ทำได้

โกสต์ มี 2 ตัวถังให้เลือก คือ รุ่นตัวถังธรรมดา ราคาเริ่มต้น 32.7 ล้านบาท และรุ่น Extended ที่ระยะฐานล้อยาวขึ้น 17 ซม. ราคาเริ่มต้น 36.8 ล้านบาท 

ผมว่าเลือกตัวไหนก็ได้ทั้งนั้น ถ้าต้องการนั่งเบาะหลังเป็นหลัก รุ่นธรรมดา ก็มีพื้นที่เหลือเฟือทั้งวางเท้า หรือช่วงเข่า แต่ถ้าเลือก Extended ก็จะยิ่งเหลือพื้นที่ว่างอีกเป็นทุ่ง

แต่ถ้าจะขับเอง อาจมีคำถามควรจะต้องเลือกรุ่นฐานล้อปกติหรือไม่ เพราะรุ่นฐานล้อยาวที่มีความยาวตัวถัง 5.7 เมตร อาจจะไม่คล่องตัวในการขับขี่เองหรือเปล่า

ถ้ามีใครถามผม ผมจะตอบว่า  Extended ก็ใช้งานได้คล่องแคล่วดีครับ

เพราะเท่าที่ลองขับ แม้เส้นทางไม่ไกลนัก แต่ก็เป็นเส้นทางไม่ธรรมดา คือ ย่านถนนพระราม 3 ก่อนจะข้ามแม่น้ำไปถนนพระราม 2 ที่อยู่ในช่วงการก่อสร้าง ถูกกินพื้นที่ถนนบางส่วน และยังมีปิดตรงนั้นหลบตรงนี้เป็นช่วงๆ ก่อนจะแยกเข้าไปทางถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล จนสุดทางแล้วเลี้ยวไปตามถนนสายในที่ไปโผล่สมุทรสาครได้ ซึ่งช่วงนี้เป็นถนน 2 เลนสวนทาง ก็ขับขี่ได้ไม่ยาก

โกสต์ นั้นมีตัวช่วย คือ ระบบล้อหลังช่วยเลี้ยว 3 องศา ซึ่งเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วไม่เกิน 70 กม./ชม. ล้อหลังจะเลี้ยวไปฝั่งตรงข้ามกับล้อหน้า ทำให้วงเลี้ยวรถแคบลง ดังนั้นการขับขี่ในพื้นที่แคบๆ หรือ การกลับรถทำได้ไม่ยาก

และการเป็นรถที่่ออกแบบให้มีทัศนวิสัยที่ดี เมื่อขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัย จะรู้สึกโปร่ง โล่ง มองเห็นเส้นทาง มองเห็นเพื่อนร่วมทางได้ชัด ได้ไกล มันลดความอึดอัด และทำให้รู้สึกว่าขับได้สบายๆ ไม่ต่างจากรถทั่วไป

และเมื่อขับขี่ที่ความเร็วมากกว่า 70 กม./ชม. เมื่อเลี้ยว ล้อหลังจะเปลี่ยนมาเลี้ยวไปทางเดียวกับล้อหน้า ซึ่งก็ทำให้รู้สึกได้ชัดเจนว่ารถที่มีความยาวขนาดนี้ แถมยังแบกน้ำหนักตัวเองกว่า 2 ตันครึ่ง โลดแล่นไปตามทางโค้งได้ดี เกาะถนนดี และแม่นยำ 

และก็ไม่ใช่แค่ระบบช่วยเลี้ยว แต่ว่าก็เกี่ยวข้องกับระบบช่วงล่างด้วย ซึ่งช่วงล่างแบบถุงลมปรับด้วยไฟฟ้า โครงสร้างด้านหน้า-หลัง ดับเบิลวิชโบน และไฟว์-ลิงค์ ทำงานได้ว่องไวตามสภาพการขับขี่ และสภาพเส้นทาง ช่วยให้การทรงตัวของรถทำได้ดี และอาการโยนตัวหรือหน้าทิ่มหน้ายกแทบจะไม่ม่ี ช่วยให้ควบคุมรถทำได้ง่าย รวมถึงการกระจายน้ำหนักหน้า-หลัง 50-50 ก็เป็นส่วนที่ช่วยได้มาก 

โกสต์ มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยระบบจะพยายามส่งกำลังไปล้อหน้ากับล้อหลัง 50:50 รวมถึงการออกตัว และการเร่ง นั่นก็ช่วยให้รถรักษาระนาบให้ขนานกับพื้นถนนมากที่สุด 

แต่การส่งกำลังอาจจะแปรผันตามควาเหมาะสม บางช่วงเวลาอาจจะส่งไปที่ล้อหลังมากกว่า หรือบางสถานการณ์ส่งกำลังไปล้อซ้าย-ขวา ต่างกัน ตามสภาพพื้นผิว 

ช่วงล่างถุงลมยังทำงานรวมกับเรดาร์ที่จะอ่านสภาพเส้นทางแล้วปรับให้เหมาะสม เช่น เจอทางขรุขระ หรือทางที่มีเนินขวาง  เพื่อจะปรับความสูงของช่วงล่างรองรับ 

ระบบต่างๆ พวกนี้โรลส์-รอยซ์ บอกว่าไม่ต้องเสียเวลาปรับเอง เขาออกแบบให้ผู้ขับขี่สบายที่สุด รวมถึงโหมดการขับขี่ต่างๆ ก็ไม่ต้องเลือกเอง ใส่เกียร์ D แล้วก็เหยียบคันเร่งไปได้เลย ที่เหลือรถจะจัดการให้ทั้งหมด 

แม้แต่การดูการทำงานของเครื่องยนต์ โกสต์ ไม่มีวัดรอบให้ดู แต่มีมิเตอร์บ่งบอกการใช้สมรรถนะ เมื่อเข็มดีดมาที่ตัวเลขสูงสุดคือ 100% ซึ่งก็จะเป็นช่วงจอดนิ่ง หมายถึงว่ารถเตรียมความพร้อมของสมรรถนะให้ 100% เมื่อขับไป เข็มก็จะเปลี่ยนไปมา เช่น ถ้าอยู่ที่ 80 ก็หมายความว่า เราใช้สมรรถนะไปแค่ 20% เท่านั้น เหลืออีก 80% ที่เก็บไว้ให้

ก็ดูง่าย เข้าใจง่ายดีนะครับ 

แต่ก็มีบางอย่างที่โกสต์ ยอมให้ปรับเองนะครับ นั่นคือ ความสูงของช่วงล่าง ที่จะยกขึ้นมาจนใต้ท้องรถสูงใกล้เคียงกับรถเอสยูวีเลยทีเดียว แต่จะรองรับการขับขี่ที่ความเร็วต่ำมากๆ ไม่ถึง 10 กม./ชม. เพื่อผ่านอุปสรรคบางอย่าง เช่น เมื่อกำลังจะขึ้นลานจอดรถ หรือ คอสะพานบางแห่ง ที่ชันมาก หรือเจอโคตรของเนินลูกระนาดขวางถนนนั่นแหละครับ 

และก็ไม่ต้องกลัวว่าเมื่อเข้าสู่ถนนปกติแล้วจะลืมปรับ เพราะถ้าความเร็วเพิ่ม มันก็จะปรับลดความสูงให้เอง เพื่อความปลอดภัย 

ถึงตรงนี้ ผมสรุปอีกครั้งว่า โกสต์ Extended ขับเองได้สบายๆ ...สนุกอีกต่างหาก

พูดถึงสมรรถนะจากเครื่องยนต์ วี 12 นั้น เหลือเฟือครับ สามารถลากตัวถังจากจุดหยุดนิ่งไปถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ในเวลา 4.8 วินาที ส่วนการเติมความเร็ว หรือ อัตราเร่งต่างๆ ก็เรียกมาได้ไม่ยาก 

สิ่งที่เครื่องยนต์ทำได้ ทำให้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่จะต้องพูดถึง แต่สิ่งที่ได้รู้จากเรื่องนี้ก็คือ เมื่อผมย้ายไปนั่งเบาะหลัง ที่เห็นได้ชัดว่าเมื่อรถออกตัวอย่างรวดเร็ว หรือว่าเร่งอย่างรวดเร็ว ยังรู้สึกได้ว่านั่งสบาย ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะอย่างที่ผมพูดไปตอนต้นคือ ถ้าไม่มีเหตุอะไรจริงๆ ทุกจังหวะรถจะพยายามส่งกำลังไปล้อหน้ากับหลังเท่าๆ กันจึงไม่มีอาการหน้ายกท้ายยุบให้มึนหัวเล่น 

และการอ่านสภาพถนนล่วงหน้าเพื่อปรับช่วงล่างให้เหมาะสมก็รู้สึกชัดเจนขึ้นเมื่อมานั่งเบาะหลัง เพราะมันเก็บแรงสั่นสะเทือนได้ดี นุ่ม และยังมีความเงียบที่เงียบมากในห้องโดยสารมาเติมความรู้สึกสบาย และเมื่อเปิดฟังก์ชันนวดที่เบาะก็ทำให้หนังตาหย่อนทันที 

ซึ่งการเก็บเสียงระบวนจากภายนอก นอกเหนือจากการออกแบบโครงสร้างตัวถังแล้ว ยังเป็นผลจากการบุวัสดุซับเสียงในจุดต่างๆ ซึ่งหากถอดออกมาชั่งรวมกันแล้ว มีน้ำหนักมากกว่า 100 กก. เลยทีเดียว 

โรลส์-รอยซ์ พยายามสื่อสารกับลูกค้าว่า การนั่งในโกสต์ ก็เหมือนกับนั่งอยู่บนพรมเคลื่อนที่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคงไม่ถึงขั้นนั้น แต่ก็ถือว่าเป็นการสื่อสารเพื่ออธิบายถึงอารมณ์ของรถที่ไม่ผิดครับ 

สำหรับโกสต์ แม้จะดูว่าหน้าตา ไม่แตกต่างจากตัวเดิมสักเท่าใด แต่โรลส์-รอยซ์ ยืนยันว่ามันเป็นรุ่นใหม่ ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ แต่ก็เป็นเอกลักษณ์ในการออกแบบของรถหลายๆ รุ่นมาแต่ไหนแต่ไร คือ ยังมีส่วนร่วมของอารมณ์ระหว่างรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ และทำให้รุ่นเก่าไม่ดูล้าสมัยจนอยากขายทิ้ง 

ส่วนเรื่องของออปชั่นต่างๆ คงไม่ต้องพูดถึงทั้งหมด เพราะใส่มาเยอะ รวมถึงร่มที่ซ่อนไว้ในแผงข้างประตู 

และรุ่นใหม่ ยังเพิ่มระบบไฟฟ้าให้กับบานประตูทั้ง 4 บาน เพื่อผ่อนแรงในการเปิดหรือปิด และมีเซ็นเซอร์เพื่อความปลอดภัยว่าจะเปิดแล้วไปกระแทกรถคันอื่น หรือวัสดุอะไรก็ตามที่อยู่ข้างๆ 

โกสต์ติดตั้งไฟหน้าเลเซอร์ระยะส่องสว่างกว่า 600 เมตร ระบบแจ้งเตือนสิ่งกีดขวางทั้งกลางวันและกลางคืน ระบบเตือน ผู้ขับหลับใน กล้อง 4 ตัว ให้ภาพรอบทิศทาง การแสดงข้อมูลขับขี่บนกระจกหน้า ที่ยืนยันว่ามีความละเอียดสูงสุดในอุตสาหกรรม ระบบจอดอัตโนมัติ

การออกแบบภายในนอกจากความสะดวกสบายก็ยังมีความหรูหรา ทั้งด้านหน้า หรือว่าเบาะด้านหลัง ที่มีโต๊ะอเนกประสงค์ติดตั้งอยู่หลังเบาะด้านหน้า พร้อมมอนิเตอร์ส่วนตัว เบาะด้านหลังเป็นครั้งแรกที่่ลูกค้าสามารถเลือกเบาะนั่งด้านหลังแบบ ‘Serenity Seat’ ปรับเอนได้ตามต้องการ และมาพร้อมตู้แช่แชมเปญที่สามารถกำหนดอุณหภูมิได้ 2 โหมด คือ 6 และ 11 องศาเซลเซียส สำหรับแชมเปญยุคใหม่ และแชมเปญวินเทจ

ออปชั่นเสริมยังมีให้เลือกอีก เช่น แดชบอร์ดเรืองแสง และไฟแอลอีดี 850 ดวง ที่จำองเป็นดวงดาว หรือที่เพพานที่ทำเป็นท้องฟ้าพร่างพราวด้วยดาวระยิบระยับ แถมยังมีดาวตก ที่มาให้เห็นทุกๆ 8 วินาที เรียกว่านั่งมองเพดานกันเพลินๆไป 

ยังมีอีกหลายอย่างครับ ทั้งออปชั่นหลัก และออปชั่นเสริม รวมถึงออปชั่นที่ลูกค้าอยากได้เป็นพิเศษที่ไม่เหมือนกันในแต่ละคน โดยแว่วๆ ว่า รถที่ราคาเริ่มต้น 36.8 ล้านบาท แต่จบจริงสำหรับลูกค้าคนไทยขณะนี้สูงสุดอยู่ที่กว่า 40 ล้านบาทครับ