ปลอดภัยจากโควิด ง่ายๆ เพียงฉีด 'วัคซีนโควิด' ให้เร็ว ให้ไว

ปลอดภัยจากโควิด ง่ายๆ เพียงฉีด 'วัคซีนโควิด' ให้เร็ว ให้ไว

ฉีด "วัคซีนโควิด" ถือเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดได้ดีที่สุด ยิ่งได้รับวัคซีนเร็ว ยิ่งปลอดภัย ทั้งตัวเราเอง ผู้อื่น และประเทศชาติ

หลังจากที่รัฐบาล นำโดยกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดแอพพลิเคชั่น “หมอพร้อม” และเปิดพื้นที่โรงพยาบาล รพ.สต.และอสม. เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง อย่าง ผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้น ซึ่งมี 11.7 ล้านคน และผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง 4.3 ล้านคน เป็นสองกลุ่มแรกที่ได้มีโอกาสจองฉีดวัคซีนก่อนกลุ่มอื่นๆ พบว่า ขณะนี้ (ข้อมูลเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2564 เวลา 08.00 น.) มีผู้จอง"ฉีดวัคซีนโควิด"แล้ว จำนวน 1,574,954 ราย แบ่งเป็นการฉีดวัคซีนในกรุงเทพฯ 514,411 ราย และฉีดวัคซีนในต่างจังหวัด 1,060,543 ราย

นอกจากนั้น ข้อมูลเมื่อวันที่ 9 พ.ค.2564 พบว่า จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้ง 2 กลุ่ม จำนวน 1.25 ล้านคน สามารถจองคิววัคซีนสำเร็จรวม 507,437 คน คิดเป็น 41% จากคนกลุ่มนี้ที่มีสิทธิจองวัคซีนรวมกัน 16 ล้านคน ด้วยวัคซีนเป็นเครื่องมือสำคัญที่สุดในการยุติการระบาดโรคโควิด-19 ยิ่งประชาชนฉีดได้เร็วและฉีดได้มากจึงเป็นสิ่งจำเป็น

  •  “วัคซีนโควิด-19” ป้องกันไม่ใช่เฉพาะตัวเรา

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ (หมอยง) หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสเฟซบุ๊ก (Yong Poovorawan) ถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ระบุว่า การ "ฉีดวัคซีนโควิด-19" นอกจากจะป้องกันตัวเราไม่ให้ป่วยรุนแรงและเสียชีวิตแล้ว ถึงแม้ว่าจะป้องกันได้ไม่ 100 % แต่จะเป็นการป้องกันผู้อื่น โดยเฉพาะป้องกันบุคคลในบ้านที่ไม่ค่อยได้ออกนอกบ้าน หรือคนที่เรารัก ไม่ให้ป่วยหรือติดเชื้อได้

162064861825

ทั้งนี้ การให้วัคซีนในคนหมู่มากเห็นได้ชัด อย่าง ประเทศอังกฤษ ที่ให้วัคซีนไปแล้วร่วม 70 %ของประชากร ที่ได้รับอย่างน้อย 1 เข็ม อังกฤษจากที่เคยมีผู้ป่วยเป็นหมื่นต่อวัน และมีการเสียชีวิตเป็นหลักร้อยหลักพันต่อวัน แต่ขณะนี้ เหลือผู้ป่วยเป็นตัวเลขที่เท่ากับหรือน้อยกว่าประเทศไทย และที่สำคัญอัตราตายไปประเทศอังกฤษเหลือหลักหน่วย หรือหลักสิบต้นๆ เช่น วันที่ 9 พ.ค.2564 มีการเสียชีวิตเพียง 2 คนเท่านั้น น้อยกว่าประเทศไทยเสียอีก

ขณะที่ ฝรั่งเศส มัวแต่พะวงเรื่องอาการข้างเคียง และการได้รับการ"ฉีดวัคซีนโควิด-19"น้อยกว่าประเทศอังกฤษมากกว่าครึ่ง ทำให้ขณะนี้ยังมีผู้ป่วยเป็นหลักหมื่น และมีการเสียชีวิตเป็นหลักหลายร้อยคนต่อวัน ทั้งที่วัคซีนในประเทศก็ไม่ได้ขาดแคลนแบบประเทศไทย

ถ้าทุกคนได้รับวัคซีน ก็จะเป็นการป้องกันเขาป้องกันเรา และในที่สุด โรคโควิด 19 ก็จะอยู่ในความควบคุม ไม่ให้มีการแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้นสิ่ งที่สำคัญที่สุด ต้องได้รับวัคซีนหมู่มากให้เร็วที่สุด เพื่อลดความสูญเสียทางด้านสุขภาพ ร่างกาย เศรษฐกิจและสังคม ให้เร็วที่สุด เพื่อประโยชน์ของทุกคน ตัวเราและส่วนรวม และประเทศชาติ วัคซีนที่ดีที่สุดขณะนี้ คือวัคซีนที่ฉีดได้เร็วที่สุดศ.นพ.ยง กล่าว

  • "ฉีดวัคซีนโควิด-19"เพิ่มภูมิต้านทานลดติดเชื้อ

สำหรับการ "ฉีดวัคซีนโควิด"ในประเทศ ขณะนี้จัดสรรวัคซีนไปแล้ว 2,427,452 โดส จำนวนการฉีดสะสมตั้งแต่ 28 ก.พ.-8 พ.ค. 2564 รวม 1,743,720 โดส มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรก 1,273,666 ราย วัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 470,054 ราย แบ่งเป็นฉีดวัคซีนซิโนแวค 1,167,398 ราย แอสตราเซเนก้า 106,268 ราย และผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่สอง 470,054 ราย แบ่งเป็น ซิโนแวค 470,038 ราย และแอสตราเซเนก้า 16 ราย จนถึงขณะนี้ ยังไม่พบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนจะมีผลข้างเคียงรุนแรง หรือเสียชีวิต

ศ.นพ.ยง กล่าวต่อว่าการศึกษา"ภูมิต้านทาน"ที่เกิดจากการ"ฉีดวัคซีนโควิด"ในประเทศไทย เมื่อฉีดวัคซีน ซิโนแวค ครบ 2 เข็มแล้วเป็นระยะเวลา 1 เดือน กับการตรวจ "ภูมิต้านทาน"หลัง"ฉีดวัคซีนโควิด" แอสตราเซเนก้า 1 เข็มเป็นเวลา 1 เดือน เปรียบเทียบกับการตรวจภูมิต้านทานในผู้ที่หายจากการติดเชื้อโรคโควิด 19 ในช่วงระยะเวลา 4 ถึง 8 สัปดาห์หลังจากที่มีการติดเชื้อ จะเห็นว่าระดับ "ภูมิต้านทาน"ของวัคซีนซิโนแวคเมื่อฉีดครบแล้ว 2 ครั้ง มีค่าระดับ "ภูมิต้านทาน"เฉลี่ย 85.9 unit/ml

162064964315

ส่วน"ภูมิต้านทาน"หลังฉีด แอสตราเซเนก้า เพียงเข็มเดียวมีค่าเฉลี่ย 47.5 เมื่อเทียบกับ"ภูมิต้านทาน"หลังติดเชื้อ 60.9 unit/ml และยังแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนส่วนใหญ่จะตรวจพบภู"ภูมิต้านทาน"ได้ 98-99 %ในขณะที่ผู้ติดเชื้อ ตรวจพบ "ภูมิต้านทาน"ได้ 92.4%

การฉีดวัคซีนในปัจจุบัน ยังไม่ทราบว่าจะต้องใช้ระดับภูมิต้านทานเท่าใด จึงจะสามารถป้องกันการติดเชื้อ แต่ที่รู้แน่ๆ คือว่าถ้าเรามีภูมิต้านทาน ก็จะสามารถลดความรุนแรงของโรคได้ ซึ่งระดับภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นนี้ก็แสดงให้เห็นว่าวัคซีนทั้งสองชนิดที่ฉีดในประเทศไทย กระตุ้นให้สร้างภูมิต้านทานได้ดีในประชากรไทย ทั้งวัคซีนซิโนแวค และแอสตราเซเนก้า ศ.นพ.ยง กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: รู้ให้ชัดก่อน ฉีด-ไม่ฉีด 'วัคซีนโควิด-19'

                    ไขข้อข้องใจ 'สายพันธุ์อินเดีย' อันตรายแค่ไหน?

                    ก่อนฉีด 'วัคซีนโควิด' เช็คให้พร้อม วิธีเตรียมตัว ต้องรู้อะไรบ้าง?

  • ยิ่ง"ฉีดวัคซีนโควิด"เร็ว ยิ่งปลอดภัยยุติระบาด

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตรศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กล่าวว่าวัคซีนที่ฉีดทุกวันนี้ไม่ว่ายี่ห้อไหนรวมทั้งของไทยมีความปลอดภัย ซึ่งวัคซีนมีประโยชน์ ยิ่งฉีดเร็วยิ่งปลอดภัย ตอนนี้ "ฉีดวัคซีนโควิด" ไปทั่วโลกแล้ว กว่า 1,000 ล้านโดส ในจำนวนนี้ ผู้ที่เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างรุนแรงของการ "ฉีดวัคซีนโควิด"  คือ 1-3 คน ใน 1 ล้านคน เช่นเดียวกัน การเสียชีวิตของโควิด -19 คือ 100 คน เสียชีวิต 2.2 คน ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อติดโควิด-19แล้ว จะอยู่ใน 2.2 คนใน 100 คน ที่เสียชีวิต หรือ อยู่ใน 97.8 คนใน 100 คน ที่ไม่เสียชีวิต

รอบนี้ การเสียชีวิตในคนไทยที่ติดโควิด -19"เราเจอในคนตั้งแต่อายุ 20 กว่าปี ไม่ใช่เฉพาะผู้สูงอายุ ทุกคนมีโอกาสเสียชีวิตได้ เพราะไม่มีใครรู้ เชื้อที่เข้าสู่ร่างกาย จะมากน้อยขนาดไหน มีทางเดียวทำให้ตัวเองมีระบบภูมิคุ้มกันให้เร็วที่สุด มากที่สุด ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ยิ่งมากเท่าไหร่ คนไทยทั้งหมดก็จะปลอดภัย ฉีดวัคซีนไม่ใช่เพื่อตนเองเท่านั้น แต่เพื่อผู้อื่น เพื่อประเทศ อยากชวนทุกคนช่วยกันหยุดโควิด โดยไม่อยู่กันใกล้ชิด และใช้สิทธิฉีดวัคซีนกันทุกคน”ศ.นพ. ประสิทธิ์ กล่าว

162064978151

  • "ฉีดวัคซีนโควิด"ป้องกันเสียชีวิต90%ขึ้นไป

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผู้ป่วยที่ "ฉีดวัคซีนโควิด" แล้ว จะมีประมาณ 5% ที่มีอาการรุนแรงเกิดขึ้นได้ ซึ่งใน 5% นี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ในสถานที่ที่มีอุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พยาบาลที่พร้อม

สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราไม่เกิดโรคโควิด-19 ที่รุนแรง จนขั้นวิกฤติ ทำให้เสียชีวิตได้นั้น คือ การ"ฉีดวัคซีนโควิด"ซึ่งวัคซีนที่มีอยู่ในท้องตลาดในปัจจุบัน เกือบทุกยี่ห้อ สามารถป้องกันการเกิดโรคโควิดรุนแรง จนถึงวิกฤตและเสียชีวิตได้ 90% ขึ้นไป การฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด ป้องกันตนเองจากการเกิดโรคโควิดรุนแรงและการเสียชีวิต