‘ปรีดิยาธร’ หนุนรัฐ แจกเงินเยียวยา ‘โควิด’

      ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์รายการ”เจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์”ในช่วงเช้าวันนี้ ออกมาสนับสนุนนโยบายเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิดรอบที่ 3 ของรัฐบาล โดยระบุว่า เป็นนโยบายที่ดี ช่วยประชาชนที่ได้รับผลระทบจากโควิด-19ทำให้รายได้ลดลง และบางรายอาจไม่สามารถประกอบอาชีพได้ 

      ทั้งนี้ส่วนตัวมองมาตรการที่ทำแล้วเงินถึงมือคนขายของถือเป็นแคมเปญที่ดี เพราะทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น คนละครึ่ง แต่จะต้องแจกไม่ซ้ำซ้อนกัน ซึ่งหากไม่ซ้ำซ้อนกันเป็นเรื่องที่ดี

      “เวลานี้ต้องเยียวยา เพราะโควิด-19 รอบ 3 หนัก กระทบคนมากพอสมควร คนมีรายได้ลด จึงจำเป็นต้องแจกเงิน แต่ อะไรที่แจกแล้วถึงมือคนขายของอันนี้ดี เช่น คนละครึ่ง ที่ถือว่าดี เงินถึงมือคนขายของ ผู้ประกอบการก็ได้ประโยชน์ อะไรที่แจกถึงชาวบ้านก็ดี แต่ต้องดูลักษณะของชาวบ้านด้วย ถ้าเขาเดือดร้อน มีรายได้น้อยจริงก็ถือว่าดี"

     วานนี้(5พ.ค.ณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการเยียวยาผู้ได้ผลกระทบโควิดระลอกใหม่ 3 ระยะ ได้แก่ มาตรการระยะที่ 1 มี 3 มาตรการหลัก ที่สามารถดำเนินการได้ทันที ได้แก่ สินเชื่อ 2 หมื่นล้านบาท ช่วยเอสเอ็มอีและประชาชน พักชำระหนี้ การลดค่าน้ำค่าไฟ และแจกเงินเราชนะ และ ม.33 อีกรายละ 2 พันบาท เติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ส่วนระยะถัดไปต่ออายุมาตรการคนละครึ่ง และ โครงการ ยิ่งใช้ยิ่งดี โดยทั้งหมดจะครอบคลุม 51 ล้านคน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ 4.7แสนล้านบาท

 
      ม.ร.ว.ปรีดิยาธร  กล่าวว่า เสนอให้รัฐบาลดำเนินโครงการประกันราคาพืชผลทางการเกษตรต่อเนื่องจากที่ดำเนินการในช่วง2 ปีที่ผ่านมา เพราะ เป็นการกำหนดราคาพืชผลที่ให้ชาวนามีกำไร ทำให้ชานาทั้งประเทศไม่เป็นหนี้สินเพิ่มขึ้น มีรายได้เลี้ยงชีวิตที่ดี และเป็นการรองรับคนที่ตกงานจากเมืองใหญ่กลับบ้านซึ่งก็มีจำนวนไม่น้อย 

     "สำหรับโควิด-19ระบาดรอบใหม่ ขณะนี้ยังไม่มีการพูดถึงโครงการนี้ อยากให้รัฐบาลเดินหน้าโครงการประกันราคาพืชผลเกษตรต่อ เพราะเป็นเรื่องสำคัญ โครงการซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นกิจการรมเศรษฐกิจที่เขาทำเองได้เอง ทำให้คนมีขยันขันแข็งทำงาน ที่มีรายได้เลี้ยงชีวิต การทำโครงการนี้อาจได้คะแนนเสียงน้อย แต่จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ"

      ม.ร.ว.ปรีดิยาธร  กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อมากถึง2 พันคนต่อวัน ส่วนตัวเสนอให้คณะอนุกรรมการ ศบค.พิจารณาแผนเร่งรัดในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ควบคู่ไปกับแผนปกติ  คือการไปฉีดวัคซีนในจุดที่มีโอกาสติดเชื้อและแพร่กระจายได้ง่าย เช่น ชุมชนแออัด เหมือนกับคลองเตย ซึ่งควรขยายการฉีดไปยังชุมชนแออัดทั้งหมดในกรุงเทพ    รวมถึงคนที่ทำงานแล้วพบปะคนจำนวนมาก เช่น คนขับแท็กซี ขมสมก.และมอเตอร์ไซด์รับจ้าง รวมถึงคนทำงานในตลาด

      "ข่าวดีสยามไบโอไซด์ จะมีการผลิตวัคซีนโควิดให้10 ล้านโดสต่อเดือนตั้งแต่ในเดือนหน้า อยากให้มีแบ่งวัคซีนมาฉีดให้กับคนในชุมชุนแออัดทั่วประเทศเพราะเป็จจุดที่มีโอกาสติดง่ายและแพร่กระจาย"