‘กลุ่มไอที-สื่อสาร’ หนุนก้าวข้ามวิกฤติโควิด ต้องร่วมมือให้ถึงที่สุด

‘กลุ่มไอที-สื่อสาร’ หนุนก้าวข้ามวิกฤติโควิด ต้องร่วมมือให้ถึงที่สุด

‘กลุ่มไอทีสื่อสาร’ หนุนก้าวข้ามวิกฤติต้องร่วมมือให้ถึงที่สุด ทำใจโควิดคงอยู่ไปอีกไม่ต่ำกว่า 1-2 ปี อีกนานกว่าที่เศรษฐกิจจะฟื้น วอนภาครัฐนอกจากคุมแพร่ระบาด ต้องเร่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้มากขึ้น

สามารถฯแนะบริหารเงินสดในมือ

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ ตำแหน่ง รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจใหม่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น ให้ความเห็นต่อแนวทางในการฝ่าวิกฤตโควิดในปัจจุบันว่า “การบริหารกระแสเงินสดให้เพียงพอต่อการดำเนินกิจการและรองรับการลงทุน คือ สิ่งแรกที่ต้องเน้น ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์สถานการณ์ และมองหาโอกาสทางธุรกิจ โดยการนำเสนอเทคโนโลยีโซลูชั่นที่สามารถตอบโจทย์ Social Distancing ซึ่งจะกลายเป็นวิถีใหม่ในการดำเนินชีวิตและการดำเนินธุรกิจ

โดยเฉพาะภาคบริการ ของทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนซึ่งโควิด-19 นี้ น่าจะอยู่กับเราไปอีกไม่ต่ำกว่า 1-2 ปี ดังนั้น คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัว จึงอยากฝากภาครัฐว่านอกเหนือจากการออกมาตรการสาธารณสุขเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดแล้ว ควรเร่งรัดในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้มากขึ้น

ในภาวะที่ “ไทยต้องพึ่งไทย” ในการประคับประคองเศรษฐกิจ น่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการส่งเสริมการบริโภคสินค้าและบริการในประเทศ เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชน และสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีให้สามารถอยู่รอดและผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้

เอไอเอสชู3ประสานฝ่าวิกฤติโควิด

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไขปัญหาจากวิกฤติโควิดในครั้งนี้ อยากให้เกิดความร่วมมือ 3 ประสานอย่างเป็นเอกภาพและมีความจริงจังในการปฎิบัติ และความมือโดยจะประกอบไปด้วย 1.รัฐบาล 2.เอกชน และ 3.ประชาชน โดยรัฐบาลต้องมีความเตรียมพร้อม วางแผนล่วงหน้าเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีน เพราะวัคซีนคือคำตอบ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันของสังคมไม่ให้เกิดระลอก4และ5ในอนาคต

นอกจากนี้ รัฐบาลต้องเตรียมมาตรการเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจในระยะยาว ไม่ใช่หว่านเงิน แจกเงินเพื่อหวังผลแค่ในระยะสั้น ควรมองที่ปรับโครงสร้างของธุรกิจทั้งในด้านการดำเนินการ ภาษี และช่วยพยุงผู้ประกอบการรายย่อย (เอสเอ็มอี) ไม่ให้ล้มหายไปจากอุตสาหกรรม

ในส่วนของเอกชนข้อเสนอแนะคือ แม้จะมีความประสงค์จากหลายๆบริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องการระดมทุนเพื่อนำมาช่วยประเทศให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดีแต่การขณะนี้ สิ่งที่ตนอยากเรียกร้องคือไม่ต้องแข่งขันกันในเชิงภาพลักษณ์ เช่น การที่เอไอเอสได้เข้าไปติดตั้งโครงข่าย5จีในรพ.สนาม ผู้ประกอบการรายอื่นที่ทีกำลังก็ควรมองหารพ.สนามที่อื่นที่ยังรอความช่วยเหลือไม่จำเป็นต้องมาทำซ้ำซ้อนเพื่อเสียทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์

และสุดท้ายในภาคประชาชน สิ่งที่อยากฝากจริงๆคือขอให้ทุกคนประหยัดไม่ใช้เงินจากการเยียวยาจากสิ่งที่รัฐบาลสปอยให้มากเกินไป เงินที่ได้ควรนำไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจริงเป็นรายจ่ายจริงๆ และอยากให้ทุกคนเรียนรู้เตรียมความพร้อม และรู้จักปรับตัวเพื่อให้พร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะเข้ามามีผลอย่างมากภายหลังจากวิกฤติโควิดนี้สิ้นสุดลง