กองทุนหุ้นต่างประเทศมาแรง ไตรมาส1/64 เงินทะลัก6.3แสนล้าน

แม้ไตรมาสแรกปี 2564 หลายประเทศทยอยฉีดวัคซีนให้ประชากรของตัวเองไปแล้ว แต่สัดส่วนการฉีดไม่เท่าเทียมกัน ส่งผลให้สถานการณ์การระบาดโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย สะท้อนผ่านบางประเทศการแพร่ระบาดดีขึ้น ทรงตัว หรือ เกิดการระบาดระลอกใหม่ อย่างประเทศไทยเกิดระบาดระลอกใหม่ ดังนั้น ถือว่าสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ ขณะเดียวกันตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นในช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา

ทว่า “อุตสาหกรรมกองทุนรวมไทย” บริษัท มอร์นิ่งสตาร์รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด รายงานว่า มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (AUM) ของกองทุนรวมไทย ณ ไตรมาส 1 ปี 64 อยู่ที่ราว 5.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.8% จากสิ้นปีก่อน หากเป็น AUM เฉพาะกองทุนเปิดจะอยู่ที่ 4.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้น 2.6% จากสิ้นปีก่อน แต่ยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิค-19 ณ ธ.ค. 62 อยู่ที่ 4.3 ล้านล้านบาท

ด้าน “เม็ดเงินลงทุนกองทุนรวม” ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ มีเงินไหลเข้าสุทธิ 3.3 หมื่นล้านบาทจากสิ้นปีก่อน หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนเป็นเงินไหลออกสุทธิกว่า 3.9 แสนล้านบาท สาเหตุการแพร่ระบาดโควิด-19 ครั้งแรกปีก่อนทำให้เงินไหลออกตราสารหนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สำหรับเม็ดเงินลงทุนเน้นไปลงทุนใน “กองทุนตราสารทุน” ทั้งหุ้นในและต่างประเทศ แต่ส่วนใหญ่เป็น “กองทุนหุ้นต่างประเทศ" นำโดย “หุ้นจีน หุ้นทั่วโลก หุ้นเฮลธ์แคร์และหุ้นเทคโนโลยี”

หากแยกเฉพาะ “กองทุนรวมต่างประเทศ” (กองทุน FIF ไม่รวมเทอมฟันด์) มีเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิรวม 1.5 แสนล้านบาท และ ยังมีการเติบโตแข็งแกร่ง มี AUM อยู่ที่ 9.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 78% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนและเพิ่มขึ้น 17 % จากสิ้นปีก่อน

โดยส่วนใหญ่เป็น “กองทุนหุ้นต่างประเทศ” AUM 6.3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 182.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 34.4% จากสิ้นปีก่อน ซึ่งหากเทียบกับกองทุนหุ้นในประเทศจะเห็นว่ามีมูลค่าที่ค่อนข้างใกล้เคียงกันแล้วจากในอดีตการลงทุนหุ้นในประเทศจะเป็นเม็ดเงินที่สูงกว่าชัดเจน

“ชญานี จึงมานนท์” นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มอุตฯกองทุนในปี64 น่าจะกลับมาฟื้นตัวเป็นบวกได้ จากสิ้นปี63 AUM ทั้งอุตฯอยู่ที่ 5 ล้านล้านบาท หดตัว 6.5% และ AUM ของกองทุน เฉพาะกองทุนเปิดอยู่ที่ 4 ล้านล้านบาท ลดลง 7.3% จากสิ้นปี62 โดยประเมินการระบาดโควิดระลอก 3 ไม่ส่งผลกระทบทำให้เกิดเงินไหลออกจากกองตราสารหนี้เหมือนปีก่อน

สำหรับเทรนด์ลงทุนต่างประเทศปีนี้ยังคงผลักให้มีเม็ดเงินกองทุนต่างประเทศมากกว่าหุ้นไทย ซึ่งหุ้นไทยยังมีหลายปัจจัยกดดันทั้งการระบาดโควิด-19 รอบใหม่ กลุ่มหุ้นที่น้อยกว่า และราคาหุ้นที่ค่อนข้างแพงกว่าเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆในต่างประเทศ

ขณะเดียวกันกองทุนใหม่ที่จะออกเพิ่มขึ้นในปีนี้ มองว่า บลจ. ยังเน้นออกกองทุนตราสารทุนในต่างประเทศเป็นหลัก น่าจะเห็นกองทุนประเภท ESG และธีมการลงทุนตามเทรนด์โลกยุคใหม่มากขึ้น ด้วยผลตอบแทนกองทุนในต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้นมาแรงช่วงที่ผ่านมา แนะนำนักลงทุนไม่ควรไล่ตาม แต่ควรจัดพอร์ตลงทุน เน้นลงทุนต่างประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยงและลงทุนระยะยาว 3-5ปี

“วศิน วณิชย์วรนันต์" นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน หรือ AIMC ประเมินว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก3 ไม่น่าจะกระทบต่อการลงทุนเหมือนปีก่อนแน่นอน เพราะปีนี้บางธุรกิจเริ่มเป็นช่วงขาขึ้นและตลาดทุนปรับตัวได้ ดังนั้นคาดไม่น่าเกิดเหตุการณ์กังวลเหมือนการระบาดปีก่อน