BBL-KBANK เกาะติด ‘เมียนมา’ รับธุรกิจชะลอขอสินเชื่อ-ลงทุนใหม่

     นายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ในเมียนมา ที่สถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้น ในส่วนการดำเนินธุรกิจของธนาคารกรุงเทพ สาขาย่างกุ้ง ในเมียนมา ได้มีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น กับพนักงาน ผู้บริหาร หรือทรัพย์สินของธนาคาร

      โดยปัจจุบัน ด้านสาขาแม้จะเปิดปกติ แต่การให้บริการ จะเปิดให้ลูกค้ามีการนัดหมายล่วงหน้า เพื่อขอใช้บริการ

.     ซึ่งส่วนใหญ่ ลูกค้าที่ใช้บริการผ่านสาขาของธนาคาร มักเป็นธุรกิจลูกค้า และลูกค้ารายใหญ่ ดังนั้นจำนวนการทำธุรกรรมอาจไม่ได้มากนัก ดังนั้นการทำธุรกรรมผ่านสาขา ในช่วงที่ธนาคารไม่ได้เปิดปกติ จึงไม่ได้กระทบมากนักในแง่การเข้ามาทำธุรกรรมมากนัก

      อีกทั้งความต้องการเข้ามาทำธุรกรรมกับธนาคาร โดยเฉพาะจากภาคธุรกิจ และธุรกิจรายใหญ่ มีค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะ ลูกค้าที่มีแผนการลงทุนใหม่ๆ หรือมีแผนการขอสินเชื่อต่างๆ ส่วนหนึ่งก็มีการชะลอการลงทุน หรือขอสินเชื่อออกไป เพื่อรอดูสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อน

      ดังนั้นการปล่อยสินเชื่อใหม่ๆ นั้นก็ยอมรับว่าอาจลดลง ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ดังนั้นสิ่งที่ธนาคารทำได้ คือมอนิเตอร์ และดูแลลูกค้าเก่าให้ดีและดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อช่วยลูกค้าใหม่มากที่สุด

     สำหรับด้านพนักงาน ผู้บริหาร ธนาคารมีการคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นจึงให้พนักงานบางส่วนในการทำงานอยู่บ้าน และทำงานในจุดที่ธนาคารเตรียมไว้ชั่วคราว เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น

     และทำงานโดยอยู่ภายใต้แผนการระมัดระวังของธนาคารอย่างต่อเนื่อง และธนาคารมีการมอนิเตอร์ ติดตามข่าวสารในเมียนมาใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์ และใช้ดำเนินธุรกิจรวมถึงการให้บริการทางการเงินกับลูกค้าในอนาคต
      “สถานการณ์วันนี้เราก็ต้องปรับแผน เน้นดูความปลอดภัยพนักงาน เป็นอันดับหนึ่ง แม้สาขาเราไม่ได้อยู่ในจุดล่อแหลม และต้องยอมรับว่าการดำเนินธุรกิจคงไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ เช่นเดียวกันแบงก์อื่นๆ ที่มีการระมัดระวัง และให้พนักงานบางส่วนปฏิบัติงานอยู่บ้าน ส่วนการปล่อยสินเชื่อ ก็ต้องยอมรับว่าแผนการขอสินเชื่อใหม่ ลงทุนใหม่ๆอันนี้ก็ชะลอตามสถานการณ์ เพราะลูกค้าต้องรอดูความชัดเจน แต่เราก็มีลูกค้าธุรกิจ ที่ทำธุรกิจในประเทศที่เกี่ยวกับภาคการผลิต อันนี้ ยังขยายได้อยู่”

     ด้าน นายภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์โควิดตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งมีสำนักงานผู้แทนอยู่ที่กรุงย่างกุ้ง จึงให้พนักงานธนาคารคนไทยที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในเมียนมา ปัจจุบันปฏิบัติงานอยู่ที่ประเทศไทยอยู่แล้ว
      สำหรับพนักงานที่เป็นคนท้องถิ่น ธนาคารก็มีแนวทางการทำงานและการติดต่ออย่างต่อเนื่อง และให้พนักงานเลือกที่จะเข้าที่ทำงาน หรือ WFH อยู่แล้วเช่นกัน จึงไม่ได้รับผลกระทบ
      ทั้งนี้ ธนาคารมีการติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิดทั้งจากหน่วยงานราชการที่เมียนมาและไทย และสมาคมธุรกิจไทยเมียนมา เพื่อจะนำข้อมูลต่าง ๆ มาตอบข้อสงสัยและให้บริการกับลูกค้าของธนาคารได้ โดยธนาคารมีการติดต่อกับลูกค้าผ่านการให้ข้อมูลเชิงลึกจากสำนักงานผู้แทนของธนาคารในเมียนมา