Healthcare Sector (23 มี.ค.64)

Healthcare Sector (23 มี.ค.64)

เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์แล้ว

Event

แนวโน้มกลุ่มโรงพยาบาล และปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ BH และ BDMS

lmpact

มีแนวโน้มดีขึ้นจากประเด็นการกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง

หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ในปี 2563 เรามองเห็นสัญญาณบวกของผลประกอบการชัดเจนมากขึ้นใน 2H64 และปี 2565 สำหรับโรงพยาบาลที่มีฐานผู้ป่วยต่างชาติจากการที่ประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ มีโอกาสกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง เราคิดว่าปัจจัยสำคัญที่จะช่วยหนุน
ให้ผู้ป่วยต่างชาติกลับมา ได้แก่ i) การนำวัคซีนออกมาฉีดทั่วโลก (>246 ล้านโดสแล้วในปัจจุบัน) ผนวกกับเป้าหมายรัฐบาลที่จะฉีดวัคซีนให้กับประชากรไทยมากกว่า 50% ภายในสิ้นปีนี้ และ ii) การเปิดให้ผู้เดินทางระหว่างประเทศใช้ vaccine passport ซึ่งความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน จะทำให้ผู้คนคลายความ
กลัว COVID-19 ลงและทำให้มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่าง ๆ ลง ดังนั้น เราจึงคาดว่าจะมีผู้ป่วยต่างชาติกลับมารับการรักษาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น

คาดว่าจะมีผู้ป่วยต่างชาติบินเข้ามารับการรักษาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจาก 2H64 เป็นต้นไป

การที่ COVD-19 กลับมาระบาดที่สมุทรสาครในปลายปี 2563 ทำให้มีโอกาสน้อยลงที่จะกลับมาเปิดประเทศเต็มรูปแบบในต้นปี 2564 อย่างไรก็ตามสถานการณ์ดีขึ้นจากการที่รัฐบาลใช้มาตรการคุมเข้ม ทำให้เกิดการผ่อนคลายมาตรกาลง เช่น (การลดระยะเวลาบังคับกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจาก
เดิม 14 วันเหลือ 7-10 วันตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นไป) ซึ่งหากสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลายลงไปอย่างต่อเนื่อง เราคาดว่าน่าจะกลับมาเริ่มเปิดประเทศเต็มรูปแบบได้ใน 3Q และ 4Q64 สอดคล้องกับความคาดหมายของเราว่า จะเห็นจำนวนผู้ป่ วยต่างชาติที่บินเข้ามาใช้บริการฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ใน 4Q64F

ผลประกอบการของโรงพยาบาลที่มีบริการประกันสังคมและตรวจ COVID-19 จะยังแข็งแกร่งในปีนี้

เราคาดว่าผลประกอบการของโรงพยาบาลขนาดเล็กจะโต YoY ในปี 2564F เนื่องจาก i) มีฐานรายได้ที่แข็งแกร่งจากการรักษาพยาบาลผู้ป่วยประกันสังคม ii) จำนวนผู้ป่วยที่ชำระเงินสดฟื้นตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ iii) margin เพิ่มขึ้นจากทั้งจำนวนผู้ป่วย และ intensity ที่เพิ่มขึ้น iv) คุมต้นทุนและ
ค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับโรงพยาบาลในธีมนี้ เราชอบ BCH* และ CHG* จากผลประกอบการที่ออกมาน่าพอใจในปี 2563 และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 2564F

เมื่ออิงจากแนวโน้มการฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติที่จะบินเข้ามารักษาตัวในประเทศไทย เราคาดว่า: Bangkok Dusit Medical Services (BDMS.BK/BDMS TB)* จะมีรายได้ และ margin เพิ่มขึ้นจากจำนวนผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยใน 1H64 ในขณะที่คาดว่ากลุ่มผู้ป่วยต่างชาติที่บินเข้ามารับการรักษาจะฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ 2H64 เป็นต้นไป ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้นจากเดิมอีก 5.4% เป็นกำไรปกติ 8.83 พันล้านบาท (+24.7% YoY) เพื่อสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติหลังจากที่เปิดประเทศสำเร็จใน 2H64

Bumrungrad Hospital (BH.BK/BH TB)* จะมีผลประกอบการที่ฟื้นตัวขึ้นจาก 2H64 และปี 2565 เป็นต้นไป จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง YoY ของทั้งผู้ป่วยทั้งชาวไทยและต่างชาติ เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ขึ้นอีก 52.6% เป็น 2.94 พันล้านบาท (+114.8% YoY) เพื่อสะท้อนถึง i) การปรับเพิ่มประมาณการรายได้ขึ้นจากเดิม 31.7% (เนื่องจากคาดว่าจะมีผู้ป่วยต่างชาติบินมาใช้บริการมากขึ้น) ii) อัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นเป็น 43.0% (จากเดิม 40.0%) แต่ยังต่ำกว่าปกติที่ 44-45%

Valuation & Action

เราเชื่อว่าแนวโน้มการฟื้นตัวของกลุ่มโรงพยาบาลจะมาจากการที่ผู้ป่วยต่างชาติกลับมารักษาตัวในประเทศไทยในอัตราที่เร่งตัวขึ้นภายใน 2H64 นอกจากนี้ เรายังปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลเป็น "Overweight" (จากเดิม "Neutral") โดยเราคาดว่า BDMS จะเป็นตัวหลักที่ได้อานิสงส์จากจำนวนผู้ป่ วย
ต่างชาติที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 2H64 เป็นต้นไป ดังนั้น เราจึงเลือก BDMS เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้จาก i) แนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรในปี 2565F และ ii) platform ธุรกิจที่แข็งแกร่ง ทั้งในส่วนของผู้ป่วยชาวไทยและต่างชาติ

Risks

COVID-19 ระบาด, เกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่, เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้