บิทคอยน์ไหลไม่หยุด-เคลื่อนไหวที่ 48,212 ดอลล์
บิทคอยน์ดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้(24ก.พ.) ล่าสุดเมื่อเวลา 05.45 น.ปรับตัวลง 11.18% เคลื่อนไหวที่ราคา 48,212.06 ดอลลาร์ หลังรัฐมนตรีคลังสหรัฐ เตือนนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการถือครองบิทคอยน์
ทั้งนี้ บิทคอยน์พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 58,354 ดอลลาร์ หรือกว่า 1,750,000 บาทเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากมีมูลค่าตลาดทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันศุกร์
นางเยลเลนกล่าวว่า การใช้บิทคอยน์เป็นสื่อกลางในการทำธุรกรรมทางการเงินถือเป็นแนวทางที่ไม่มีประสิทธิภาพอย่างมาก
“ดิฉันไม่คิดว่าบิทคอยน์จะถูกใช้เป็นกลไกในการทำธุรกรรมในวงกว้าง และดิฉันวิตกเกี่ยวกับการที่บิทคอยน์มักถูกใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย” นางเยลเลนกล่าว
ก่อนหน้านี้ นางเยลเลนเคยเสนอว่า รัฐบาลจะต้องพิจารณาออกกฎระเบียบในการควบคุมการใช้บิทคอยน์เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่ถูกใช้เพื่อการฟอกเงิน
นอกจากนี้ นางเยลเลนยังตั้งข้อสังเกตถึงกระบวนการ “ขุด” บิทคอยน์ ซึ่งต้องใช้คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงจำนวนมากในการแก้สมการทางคณิตศาสตร์ ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองพลังงานอย่างมาก
ขณะเดียวกัน นางเยลเลนยังเตือนถึงความผันผวนของราคาบิทคอยน์
“บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่มีการเก็งกำไรสูง โดยนักลงทุนควรตระหนักถึงความผันผวนอย่างมากของบิทคอยน์ ซึ่งจะทำให้เกิดการขาดทุนจำนวนมาก” นางเยลเลนกล่าว
นอกจากนี้ บิทคอยน์ยังถูกกดดันจากการที่นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ กล่าวว่า ราคาของบิทคอยน์อยู่ในระดับที่สูงเกินไป
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศก็ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับการลงทุนในบิทคอยน์
นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เรียกร้องให้หน่วยงานทั่วโลกออกกฎระเบียบควบคุมบิทคอยน์ โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่จะต้องอุดช่องโหว่จากการที่มีผู้ใช้บิทคอยน์ในการฟอกเงิน และทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย
ส่วนสำนักงานกำกับตลาดการเงินอังกฤษ (เอฟซีเอ) ออกคำเตือนว่า ผู้ที่ลงทุนในบิทคอยน์มีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียเงินทั้งหมด
“เอฟซีเอตระหนักว่า บริษัทบางแห่งกำลังเสนอการลงทุนในรูปสกุลเงินคริปโต หรือปล่อยกู้ หรือให้มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโตที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งถ้าผู้บริโภคเข้าลงทุนในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ก็ควรเตรียมตัวที่จะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด” เอฟซีเอ ระบุ
นอกจากนี้ เอฟซีเอยังเตือนว่า นักลงทุนควรระวังหากได้รับการติดต่อ และกดดันให้เข้าลงทุนอย่างรวดเร็ว หรือมีการให้สัญญาที่ฟังดูดีเกินกว่าที่จะเป็นจริง
ทางด้านแบงก์ ออฟ อเมริกา ออกรายงานเตือนว่า บิทคอยน์ถือเป็น “มารดาของฟองสบู่ทั้งปวง”
ส่วนนายนูเรล รูบินี หรือ ดร.ดูม ผู้ที่เคยทำนายวิกฤติซับไพร์มได้อย่างถูกต้องเมื่อทศวรรษที่แล้ว และนายปีเตอร์ ชิฟฟ์ นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐ มองว่า บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์เก็งกำไรที่ไม่มีมูลค่าในตัวเอง และฟองสบู่บิทคอยน์จะระเบิดออกในที่สุด
ด้านนายแมทท์ มาลีย์ หัวหน้านักวิเคราะห์ของบริษัทมิลเลอร์ ทาบัค กล่าวว่า บิทคอยน์อาจดิ่งลง 25-30% ในช่วงต้นปีนี้
นายมาลีย์กล่าวว่า ปัจจัยทางเทคนิคบ่งชี้ว่า บิทคอยน์ได้เข้าสู่ภาวะที่มีแรงซื้อมากเกินไป และเริ่มมีภาวะฟองสบู่ ส่งผลให้บิทคอยน์จะเผชิญกับการปรับฐาน
นายมาลีย์กล่าวว่า นับตั้งแต่ปี 2559 บิทคอยน์ได้ดิ่งลง 20% ถึง 10 ครั้ง, ร่วงลง 30% จำนวน 7 ครั้ง และ 48% จำนวน 4 ครั้ง ซึ่งนักลงทุนไม่ควรประเมินต่ำเกินไปเกี่ยวกับการปรับตัวที่ผันผวนของบิทคอยน์