'เศรษฐกิจโลก' เข้าโซนฟื้นตัว ไทยต้องไม่ตกขบวน

'เศรษฐกิจโลก' เข้าโซนฟื้นตัว ไทยต้องไม่ตกขบวน

มูดี้ส์ วิเคราะห์เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย ที่หนุนให้เศรษฐกิจ Q 4 ปี 2563 ฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ยังเสี่ยงจากการฉีดวัคซีนโควิดที่ล่าช้าในปี 2564 ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจมีทิศทางขาลงได้ วันนี้รัฐบาลจึงต้องขจัดอุปสรรคเพื่อสร้างความเชื่อมั่น

การปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกตั้งแต่ต้นสัปดาห์ เป็นความเคลื่อนไหวตอบรับข่าวดีเรื่องความชัดเจนของวัคซีนโควิด-19 ของแต่ละประเทศในหลายทวีป หลายชาติกำหนดวันเวลาที่ชัดเจนท่ามกลางวัคซีนที่ถูกผลิตเพิ่มจำนวนมากขึ้น บางแห่งเริ่มฉีดวัคซีนไปแล้ว บางแห่งสั่งซื้อวัคซีนมากกว่าจำนวนประชากร หรือบางประเทศมีการแถมประกันชีวิตให้ประชาชน เมื่อประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทุกประเทศอัดฉีดออกมา กิจกรรมทางเศรษฐกิจจึงเริ่มคึกคักสะท้อนออกมาก่อนที่ตลาดหุ้น เชื่อว่าหลังจากนี้การวางแผนลงทุนจะตามมา

ตลาดหุ้นยุโรปทำสถิติปิดบวกสูงสุดในรอบปี คืนวันจันทร์ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าได้เวลาที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่โหมดฟื้นตัวเร็วและแรงขึ้นหลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยิ่งในประเทศญี่ปุ่น ดัชนีนิกเคอิขยับขึ้น ผ่านแนวรับ 30,000 จุดได้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี หรือสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2533 ญี่ปุ่นเชื่อว่าเศรษฐกิจพ้นจุดต่ำสุดมาแล้วและมีแนวโน้มฟื้นตัวได้สำเร็จ เป็นการทะยานรับข่าวดีที่รัฐบาลประกาศฉีดวัคซีนเข็มแรกในวันนี้ (17 ก.พ.)

ที่ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวานนี้ (16 ก.พ.) รัฐบาลประกาศซื้อวัคซีนเพิ่มจากโนวาแวกซ์และไฟเซอร์ หลังจากก่อนหน้าได้สั่งซื้อจากโคแวกซ์, ไฟเซอร์, โมเดอร์นา, แอสตร้าเซนเนก้า และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ไปแล้ว ทำให้เกาหลีใต้มีวัคซีนพอสำหรับ 56 ล้านคน จากประชากรรวม 52 ล้านคน ส่วนเพื่อนบ้านไทยอย่างมาเลเซียได้กำหนดฉีดวัคซีนมาแล้วเช่นกัน คือวันที่ 26 ก.พ.นี้ เราเห็นความสำคัญของไทม์ไลน์วัคซีนว่ามีความผกผันกับความหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศ

เห็นได้จาก มูดี้ส์ อนาลิติกส์ ที่เพิ่งออกบทวิเคราะห์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยสนับสนุนเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปี 2563 ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่องก็จริง แต่ความเสี่ยงอยู่ที่การฉีดวัคซีนที่ล่าช้าในปี 2564 อาจจะทำให้เศรษฐกิจมีทิศทางขาลงก็เป็นได้ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่อาจฟื้นตัวช้า ดังนั้นแม้วันนี้ ประเทศไทยจะมีข่าวดีว่าวัคซีนซิโนแวคจำนวน 2 แสนโดส จากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีนจะมาถึงไทยด้วยสายการบินไทย วันที่ 24 ก.พ.นี้ แต่ประเด็นคือยังเป็นจำนวนน้อย ที่สำคัญไม่มีการระบุวันที่จะฉีด 

เราไม่แน่ใจว่าปัญหาเกิดจากเรื่องเดิมๆ หากไม่ใช่วัคซีนแอสตร้าซิเนก้า จะมีปัญหาการประชาสัมพันธ์ ทั้งจากข้าราชการและฝ่ายการเมือง หรือว่าเกิดจากขาดการสื่อสารระหว่างนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีในช่วงที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในขณะนี้ เรายังเห็นว่ารัฐบาลจะต้องขจัดอุปสรรคใดๆ ที่ทำให้วัคซีนล่าช้าหรือไม่เพียงพอ เรายังสนับสนุนความเห็นของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ที่เสนอให้รัฐบาลเน้นการฉีดวัคซีนให้กลุ่มบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเมืองไทย สร้างรายได้ที่หายให้กลับคืนมา เป็นข้อเสนอที่รัฐบาลควรรับฟังและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด