14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ 2565 รู้จัก "เซนต์วาเลนไทน์" นักบุญแห่งรัก

14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ 2565 รู้จัก "เซนต์วาเลนไทน์" นักบุญแห่งรัก

ชวนรู้จักต้นกำเนิด "วาเลนไทน์" ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เรื่องราวตำนานความรักระหว่างนักบุญหนุ่ม "เซนต์วาเลนไทน์" กับสาวตาบอด

รู้หรือไม่? 14 กุมภาพันธ์ "วาเลนไทน์" ที่ผู้คนเฉลิมฉลองกันทั่วโลกนั้น มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับนักบุญหนุ่มคนหนึ่งที่หลงรักสาวตาบอด และความรักของทั้งสองเกิดขึ้นในขณะที่นักบุญติดคุก ด้วยข้อหาแอบทำพิธีแต่งงานให้หนุ่มสาวอย่างลับๆ แถมยังผูกโยงไปถึงตำนานเทพปกรณัมที่รู้จักกันดีในชื่อ "คิวปิด" ของชาวกรีกโรมันโบราณอีกด้วย

ก่อนจะไปบอกรักคนข้างกายในวันวาเลนไทน์ 2021 นี้ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ชวนมาทำความรู้จักต้นกำเนิดของวันแห่งความรักให้มากขึ้นอีกสักนิด

 

  • เซนต์วาเลนไทน์ นักบุญแห่งความรัก

ในยุคตอนต้นของศาสนาคริสต์ ผู้คนในประเทศแถบตะวันตกมีการเฉลิมฉลองวันแห่งความรักหรือที่เรียกว่า “วันนักบุญวาเลนไทน์” (Saint Valentine's Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี สาเหตุที่เรียกว่าเป็นวันนักบุญวาเลนไทน์นั้น เนื่องจากมีนักบวชในคริสตศาสนาคนหนึ่งชื่อ “นักบุญวาเลนตินุส” หรือ “เซนต์วาเลนไทน์” ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อที่มาและการกำเนิดของ "วันวาเลนไทน์" 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

 

161323006766

ตามประวัติศาสตร์เล่าว่า นักบุญวาเลนตินุสเกิดเมื่อ พ.ศ. 769 เขาเติบโตมาเป็นบาทหลวงอยู่ที่โบสถ์แห่งหนึ่งใกล้ๆ กับกรุงโรม ประเทศอิตาลี ครั้งหนึ่งในยุคสมัยของ "พระเจ้าคลอดิอุสที่ 2" ของจักรวรรดิโรม มีการตั้งกฎหมายว่าห้ามไม่ให้ชายหญิงแต่งงานกันในเมืองของพระองค์ เพราะพระองค์ต้องการให้ผู้ชายทุกคนในเมืองไปเป็นทหารในการทำสงคราม

ขณะนั้น บาทหลวงคนดังกล่าวรู้สึกเห็นใจผู้ชายและผู้หญิงที่มีความรัก จึงแอบทำพิธีแต่งงานให้กับผู้ชายผู้หญิงที่มีความรักอย่างลับๆ โดยภายในงานมีเพียง เจ้าสาว เจ้าบ่าว และบาทหลวงเท่านั้น พวกเขากระซิบคำสาบานและคำอธิษฐานอย่างเบาเสียงที่สุด แต่แอบซ่อนอยู่ได้ไม่นาน พระเจ้าคลอดิอุสก็ล่วงรู้เรื่องราวดังกล่าว

เซนต์วาเลนไทน์จึงถูกจำคุกและถูกลงโทษอย่างหนักและแสนสาหัส แต่คนที่ถูกทำพิธีแต่งงานโดยเซนต์วาเลนไทน์มักแอบมาเยี่ยมเซนต์วาเลนไทน์ที่คุกอยู่เสมอ

 

 

  • ปาฏิหาริย์ของนักบุญวาเลนไทน์

ขณะนั้นมีผู้คุมคุกชื่อว่า "แอสทีเรียส" เขามีลูกสาวตาบอดและคิดว่านักบุญผู้นี้น่าจะช่วยลูกสาวของเขาได้ จึงขอให้เซนต์วาเลนไทน์ช่วยรักษา และด้วยปาฏิหาริย์ประการใดไม่ทราบได้ อยู่ดีๆ ลูกสาวของผู้คุมแอสทีเรียสก็กลับมามองเห็นได้เหมือนเดิม หญิงสาวผู้นี้รู้สึกสำนึกในบุญคุณจึงมาเยี่ยมเซนต์วาเลนไทน์ที่คุกอยู่เสมอ ว่ากันว่าทั้งสองแอบมีใจให้กันและกันด้วย

161322999355

จนกระทั่งถึงวันประหารชีวิตเซนต์วาเลนไทน์ ก่อนเขาเสียชีวิตเขาก็เขียนจดหมายถึงลูกสาวของแอสทีเรียสและลงท้ายด้วยคำว่า "From your valentine" แล้วเซนต์วาเลนไทน์ก็ถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 816 เสียชีวิตในวัย 47 ปี

ต่อมาพระสันตปาปาเกลาซิอุสได้กำหนดให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่เซนต์วาเลนไทน์ถูกประหารชีวิตเป็น “วันนักบุญวาเลนไทน์” ซึ่งถือเป็นวันแห่งความรักนั่นเอง

ถัดมาอีกในสมัยยุคกลางของยุโรป (ศตวรรษที่ 15) เกิดประเพณีรักเทิดทูน (courtly love) เฟื่องฟูขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้วันวาเลนไทน์มีการวิวัฒนามาเป็นโอกาสพิเศษซึ่งคู่รักจะแสดงความรักของพวกเขาแก่กัน โดยการมอบดอกไม้ ขนม ลูกกวาด ช็อกโกแลต และส่งการ์ดอวยพรให้แก่กัน ประเพณีดังกล่าวได้สือต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน

 

 

 

  • ตำนานเทพคิวปิดและมนุษย์หญิงสาว

นอกจากเรื่องราวประวัติศาสตร์ของวัน "วาเลนไทน์" แล้ว ยังมีตำนานเกี่ยวกับเทพแห่งความรักอย่าง เทพคิวปิด (Cupid) เป็นบุตรชายของเทพวีนัส ชาวยุโรปมีความเชื่อในเทพองค์นี้ว่า สามารถดลบันดาลให้หนุ่มสาวตกหลุมรักกันและกัน ซึ่งถือว่ามีความเกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ด้วยเช่นกัน

ในปัจจุบันมีผู้คนที่ศรัทธาในเทพคิวปิดไปขอพรเรื่องความรักกันเป็นประจำ อย่างเช่นที่ "วงเวียนพิคคาเดลลี" ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่นี่เป็นจัตุรัสลานน้ำพุของลอนดอน ซึ่งมีประติมากรรมสำริดบนยอดน้ำพุเป็นรูปกามเทพคิวปิดในร่างแบบชายหนุ่ม (หรือเทพอีรอสในอีกตำนานหนึ่งที่มีความคล้ายคลึงกับเทพคิวปิด) โดยรูปปั้นเทพเจ้าอยู่ในท่ากำลังแผลงศรอย่างงดงาม โดยมีหนุ่มสาวแวะเวียนมา "ขอพรความรัก" อยู่บ่อยๆ 

161322999953

ส่วนตำนานความรักระหว่างเทพคิวปิดและมนุษย์หญิงสาว เล่าขานกันว่า ครั้งหนึ่งเทพวีนัสผู้เป็นมารดาของเทพคิวปิดได้พบหญิงสาวมนุษย์นางหนึ่งชื่อ "ไซคี" ผู้มีหน้าตางดงามมาก จนผู้คนกล่าวขานว่านางเป็นร่างอวตารของเทพวีนัส เทพวีนัสเกิดอิจฉาความงามของไซคีจึงได้สั่งให้ "คิวปิด" ผู้เป็นบุตรชายแผลงศรแห่งรักใส่นางเพื่อแกล้งให้นางอับอาย 

แต่เมื่อคิวปิดมาเจอไซคีเข้าจริงๆ เขากลับหลงไหลในตัวของไซคี คิวปิดจึงแผลงศรนั้นใส่ตัวเองและไซคีเพื่อให้ทั้งสองรักกัน แต่คิวปิดไม่ยอมให้ไซคีรู้ว่าตนเป็นใคร โดยพยายามปิดบังตัวเองอยู่แต่ในความมืดในปราสาทไม่ให้นางเห็นหน้า นานวันเข้า ไซคีอยากรู้ให้ได้ว่าสามีของนางมีหน้าตาแบบไหน จึงแอบจุดตะเกียงน้ำมันขณะสามีนอนหลับ จึงทำให้รู้ว่าสามีของนางคือเทพคิวปิด 

161322999645

เมื่อไซคีรู้ความจริงเทพคิวปิดจึงไม่อาจอยู่กับนางได้อีกต่อไปเพราะเกรงฤทธิ์ของเทพวีนัสผู้เป็นมาดา เขาจึงบินจากไปปล่อยให้นางอยู่โดยลำพัง แต่ด้วยพลังแห่งความรักต่อสามี นางไม่ยอมแพ้ เริ่มออกตามหาสามี แต่เทพวีนัสได้ปรากฏตัวและขัดขวางไซคี โดยมอบภารกิจแสนโหดให้นางทำ ซึ่งนางก็ฝ่าฟันภารกิจต่างๆ ของเทพวีนัสมาได้ และพบคิวปิดในที่สุด

คิวปิดจึงเดินทางไปยังเทือกเขาโอลิมปัสเพื่อขอร้องให้ทวยเทพเห็นแก่ความรักของพวกเขาทั้งสอง จนเหล่าเทพทั้งหลายยอมรับและมอบน้ำทิพย์ให้ไซคีดื่มเพื่อความเป็นอมตะ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้รักกันอย่างมีความสุข

-----------------------

อ้างอิง:

signorscience.com

ed.ted.com/lessons/the-myth-of-cupid

th.wikipedia.org

Ones Terry. "Valentine of Terni". Patron Saints Tom. Archived from the original on April 1, 2010.

th.wikipedia.org

Larousse Desk Reference Encyclopedia, The Book People, Haydock, 1995, p.215.