‘ซีอาร์จี’คุมต้นทุน-ปั้นโมเดลใหม่ลุยนอกศูนย์

‘ซีอาร์จี’คุมต้นทุน-ปั้นโมเดลใหม่ลุยนอกศูนย์

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทยสร้างความผันผวนอย่างมากต่อตลาดสินค้าและบริการ การใช้ชีวิตของผู้คน ซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้ว่าสถานการณ์โควิดจะดีขึ้น หรือคลี่คลายเป็นผลบวกหรือไม่ แม้จะพ้นจุดพีคสุดของวิกฤติไปแล้วก็ตาม!

พิษโควิดยังคงทำให้ตลาดมีความผันผวนสูง เป็นภารกิจและความท้าทายของผู้ประกอบการจะพลิกกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจเดินหน้า พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงในมิติต่างๆ สร้างโอกาส เพิ่มยอดขายได้อย่างไร 

ณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ ซีอาร์จี ผู้บริหารธุรกิจร้านอาหารเครือข่าย (Food Chain Industry) กล่าวว่า สถานการณ์ต่างๆ ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้เป็นตัวแปรกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ทำให้ ซีอาร์จี ต้องปรับแผนให้มีความยืดหยุ่นในการทำธุรกิจมากขึ้น

โดยวางแผนดำเนินงานด้านหลักต่างๆ ไปพร้อมๆ กันทั้ง การบริหารจัดการต้นทุน การควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้เหมาะสม สอดคล้องกับยอดขาย รวมถึงการ “upskill-reskill” เพื่อดึงศักยภาพของพนักงานออกมาใช้ในการทำงานให้มากขึ้น สามารถทำงานได้หลากหลาย

โจทย์สำคัญเวลานี้  คือ การเพิ่มยอดขายเพื่อมาชดเชยรายได้ในส่วนที่หายไป! 

“ซีอาร์จี”  จึงมองหาแนวทางเพิ่มรายได้มากขึ้น  ทั้งช่องทาง ออนไลน์ และ หน้าร้าน  โดยมุ่งโฟกัส “O2O” ออนไลน์-ออฟไลน์  เน้นเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านอีคอมเมิร์ซและระบบแพลตฟอร์มชอปปิงออนไลน์ต่างๆ  พัฒนาโมเดลการขายใหม่อย่าง Line OA  ให้พนักงานหน้าร้านสามารถรับออเดอร์จากลูกค้าผ่านออนไลน์ได้ทันที โดยมีระบบสนับสนุนรองรับ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับการให้บริการส่งตรงถึงบ้าน หรือ ดีลิเวอรี่ และผลิตภัณฑ์แบบ อาหารพร้อมรับประทาน (Ready to eat) และ อาหารที่ต้องนำมาอุ่นก่อนรับประทาน (Ready to heat) เพื่อสะดวกต่อการรับประทานอาหารที่บ้าน

พฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป และอาจจะไม่กลับมาเป็นเหมือนก่อน! เราจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเปิดร้านใหม่ ปรับพอร์ตร้านค้าให้ออกไปอยู่นอกศูนย์การค้ามากขึ้น!!

กิจการร้านค้าที่อยู่นอกศูนย์การค้าของเครือข่ายร้านอาหารกลุ่มซีอาร์จี ได้มีการพัฒนาร้านในโมเดลต่างๆ ที่เอื้ออำนวยต่อกลยุทธ์ดีลิเวอรี และ ออมนิชาแนลสร้างการเข้าถึงทุกช่องทางแบบไร้รอยต่อ ผ่านร้านรูปแบบใหม่  เดลโก้ (Delco) ไฮบริดคลาวด์ (Hybrid Cloud) มินิสโตร์(Mini Store) คีออส (Kiosk) และร้านที่เป็นสแตนอะโลน (Stand Alone) ซึ่งโมเดลเหล่านี้มีโครงสร้างค่าใช้จ่ายต่ำ มีความยืดหยุ่นสูงในการเปิดบริการในทำเลต่างๆ 

พร้อมร่วมมือกับพันธมิตร “Aggregator” เพื่อสร้างวาไรตี้ด้านเมนู แคมเปญ และโปรโมชั่น  โดยช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายในช่องทางดีลิเวอรี่ เติบโตสูง 30% มีสัดส่วนรายได้ถึง 20-25% ทั้งเป็นการเสริมจุดแข็งของแพลตฟอร์มดีลิเวอรีของตัวเอง (Own Platform) ผ่านบริการ “CRG Delivery1312” และ “FOODHUNT” ด้วยการเสนอความพิเศษที่มีเฉพาะช่องทาง Own Platform โดยเน้นที่แบรนด์ที่มีลอยัลตี้สูง เช่น โอโตยะ เช่น เมนูพิเศษเฉพาะการสั่งจาก CRG Delivery 1312 และ FOODHUNT เท่านั้น

ขณะเดียวกัน นำ เทคโนโลยี เข้ามาใช้ในธุรกิจอาหารมากขึ้น เตรียมพร้อมรองรับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบปกติใหม่ หรือ นิวนอร์มอล (New Normal)  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการ และการส่งมอบประสบการณ์ใหม่แก่ลูกค้า อาทิ โรบอทเซอร์วิส หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร บริการคิวอาร์เมนู สั่งอาหารได้โดยไม่ต้องสัมผัสเมนู หรือ สั่งอาหารตรงเข้าครัวโดยไม่ต้องผ่านพนักงาน บริการ Self Pick-up สั่งอาหารผ่านแอพพลิเคชั่นแล้วมารับที่ร้าน และการรับชำระเงินแบบไร้สัมผัส 

ซีอาร์จี ยังคงเน้นย้ำมาตรการความปลอดภัยไกลห่างโรคโควิด-19 ด้วยแผน “3C” คุมเข้มที่ร้านอาหารทุกสาขาทั่วประเทศ โดยมีการ “Cleanliness Procedure” คัดกรองอย่างเข้มงวด รักษาความสะอาดทุกขั้นตอน “Consideration of Social Distancing Measures” เน้นย้ำมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และ “Contactless Service” การให้บริการแบบไร้สัมผัส เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการทุกคน

ปัจจุบัน ซีอาร์จี  มีแบรนด์ธุรกิจร้านอาหารที่หลากหลายครอบคลุมเกือบทุกประเภท  มีร้านอาหารในเครือ 1,175 สาขาทั่วประเทศ (ณ 26 ม.ค. 2564) ประกอบด้วย 15 แบรนด์ ได้แก่  มิสเตอร์โดนัท, เคเอฟซี, อานตี้ แอนส์, เปปเปอร์ ลันช์, ชาบูตง, โคล สโตน ครีมเมอรี่, ไทยเทอเรส, โยชิโนยะ, โอโตยะ, เทนยะ, คัตสึยะ, อร่อยดี, เกาลูน, สลัดแฟคทอรี่ และ บราวน์ คาเฟ่ พร้อมบริการดีลิเวอรี่ได้ทุกร้านผ่านโมบายแอพพลิเคชั่น “FOODHUNT” และโทร 1312