เชียงใหม่​ พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มอีก​ 2 ราย ขยายปิดสถานบันเทิงถึง 31 ม.ค.64

เชียงใหม่​ พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มอีก​ 2 ราย ขยายปิดสถานบันเทิงถึง 31 ม.ค.64

"เชียงใหม่" พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มอีก​ 2 ราย​ พร้อมขยายเวลา​ปิดสถานบริการ​ "ผับ​-บาร์​ -คาราโอเกะ" ทุกแห่งในจังหวัด​ไปถึง​ 31​ ม.ค.​ 64

เมื่อวันที่ 12 มกราคม​ 2564 ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่ อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่และสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ประจำวันที่ 12 มกราคม 2564

นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รอง ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า จากการประชุมจากคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 11/2564 ซึ่งในที่ประชุมได้มีการแสดงความคิดเห็นรวมทั้งข้อเสนอต่าง ๆ เนื่องมาจากจังหวัดเชียงใหม่ยังมีผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นในการพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ และที่ประชุมได้มีมติเห็นพ้องต้องกันว่า ในเรื่องของการปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 3/2564 ซึ่งได้ให้ปิดสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการผับ บาร์ คาราโอเกะ ทุกแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นระยะเวลา 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 6-19 มกราคม 2564

เมื่อมีจำนวนผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วย รวมทั้งผู้สัมผัสที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำ มีจำนวนค่อนข้างมาก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการตรวจหาเชื้อ และมาตรการป้องกันควบคุมโรคให้ได้อย่างทันถ่วงที ดังนั้นคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้มีคำสั่งที่ 10/2564 ในเรื่องของการปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว โดยให้ปิดสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการผับ บาร์ คาราโอเกะ ทุกแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ต่อไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2564

ดังนั้น จึงขอชี้แจงทำความเข้าใจต่อทั้งผู้ประกอบการสถานบริการ และผู้ประกอบการของสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการผับ บาร์ คาราโอเกะ ตลอดจนประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ใช้บริการให้ได้ทราบถึงเหตุผลความจำเป็นที่จะได้ทราบโดยทั่วกัน

ด้าน​ ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แถลงความคืบหน้า สถานการณ์โควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่(ระลอกใหม่) ผู้ป่วยสะสม 23 ราย (รักษา 22 ราย, กลับบ้าน 1 ราย) โดยแบ่งเป็น ผู้ที่เดินทางจากระยอง 1 ราย, ผู้เดินทางจากชลบุรี 2 ราย, การระบาดในร้านวอร์มอัพ 10 ราย, การระบาดในร้านริเวอร์ไซด์ 7 ราย, การระบาดในครอบครัวกลุ่มใหม่ 3 ราย

ทีมสอบสวนโรคได้ทำการติดตามและตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ซึ่งได้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 4-12 มกราคม 2564 ได้ทำการรวจไปแล้วทั้งสิ้น 1,559 ราย ผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงสูงจะได้รับการตรวจยืนยันอย่างต่อเนื่องตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ ให้แยกกักตัวที่บ้านอย่างเคร่งครัดเพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน (Home Quarantine) ผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงต่ำ ให้เฝ้าสังเกตอาการตัวเองเป็นเวลา 14 วัน (Self Monitorng)

สำหรับในวันนี้ พบผู้ป่วยโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ เพิ่ม 2 ราย เป็นผู้สัมผัสร่วมบ้านของผู้ป่วยรายที่ 65 ที่มีการรายงานไปเมื่อวานนี้ มีรายละเอียด ดังนี้

ผู้ป่วยโควิด-19 รายที่ 68 ของจังหวัดเชียงใหม่ หญิงไทย อายุ 50 ปี แม่บ้าน ภูมิลำเนา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ รับรักษาตัวห้องแยกความดันลบโรงพยาบาลนครพิงค์ เบื้องต้น ผู้ป่วยให้ข้อมูลว่า เริ่มมีอาการป่วยเล็กน้อยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2564 แต่ไม่มีประวัติเสี่ยงสัมผัส จึงไม่ได้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 และชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ตั้งแต่เริ่มป่วยพักรักษาตัวที่บ้านพักของตนเอง

ผู้ป่วยโควิด-19 รายที่ 69 ของจังหวัดเชียงใหม่ ชายชาวไต้หวัน อายุ 67 ปี ประกอบธุรกิจส่วนตัว ภูมิลำเนา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ รับรักษาตัวห้องแยกความดันลบโรงพยาบาลนครพิงค์ อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค

จากการสอบสวนโรคพบว่า ครอบครัวนี้มีกิจกรรมร่วมกัน ในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 63 ขณะนี้ทางทีมสอบสวนโรคกำลังดำเนินการติดตามผู้สัมผัส และเร่งสอบสวนสรุปไทม์ไลน์ พร้อมทั้งค้นหาต้นตอของการติดเชื้อในกลุ่มผู้ป่วยทั้ง 3 รายนี้ หากได้ข้อสรุปจะได้นำเสนอต่อไป

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนทุกคน เฝ้าระวังและดูแลตนเองตามมาตรการป้องกันควบคุมโรค การเว้นระยะห่างระหว่างกัน สวมหน้ากากอนามัย/ผ้า ตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ การสแกนแอปพลิเคชั่นไทยชนะทุกครั้งที่เข้ารับบริการ และการสังเกตอาการตัวเอง หากมีอุณหภูมิร่างกายตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียส ขึ้นไป ร่วมกับมีอาการทางเดินหายใจอย่างใดอย่างหนึ่ง (ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส หายใจเหนื่อย หรือหายใจลำบาก) ให้รีบพบเจ้าหน้าที่ที่หน่วยบริการใกล้บ้าน เพื่อเข้ารับการตรวจทันที