"กลยุทธ์การลงทุน"รายสัปดาห์ (11 ม.ค.64)

"กลยุทธ์การลงทุน"รายสัปดาห์ (11 ม.ค.64)

11-15 มกราคม: ยังมีแรงผลักขึ้นจากปัจจัยภายนอก

สรุปภาวะตลาด และมุมมองตลาดสัปดาห์นี้:

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัปดาห์แรกของปี 2564 ดัชนี SET ยังคงอยู่ในทิศทางบวก เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศเริ่มทรงตัว และ ศบค. ไม่ได้ประกาศมาตรการที่เข้มงวดจนรับไม่ได้ อย่างเช่นการ lockdown กรุงเทพ หรือภูมิภาคออกมา ทั้งนี้ หุ้นกลุ่ม Global cyclical และธนาคารซึ่งเป็นกลุ่มที่มีมูลค่าตลาดสูงขยับขึ้นท่ามกลางธีมการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกอย่างเช่น i) การนำวัคซีนออกมาใช้ในวงกว้างภายในกลางปี 2564 ii) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของสหรัฐจากการที่พรรค Democrats สามารถคุมเสียงข้างมากในสภา congress ได้แบบเบ็ดเสร็จ iii) yield curve ชันขึ้นทั่วโลก นอกจากนี้ หุ้น large-cap ที่มี free float ต่ำอย่างเช่น DELTA* ก็ยังมีส่วนช่วยหนุนให้ดัชนี SET ขยับสูงขึ้น จากการที่ราคาหุ้นวิ่งแรงมากในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งช่วยสร้างสภาวะตลาดที่ดีให้กับกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ไทยทั้งกลุ่มด้วย

สำหรับในสัปดาห์นี้ (11-15 มกราคม) เรามองว่านักลงทุนจะยังอยู่ในโหมด risk-on ต่อไป ถึงแม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payrolls) ของสหรัฐในเดือนธันวาคามจะลดลงผิดคาด แต่นักลงทุนก็ดูเหมือนจะมองข้ามตัวเลขการจ้างงานที่ถูกบิดเบือนจากผลกระทบของ COVID-19 และหันมาให้ความสนใจกับการนำวัคซีนออกมาฉีดให้ประชาชน และรายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รออยู่ข้างหน้ามากกว่า ส่วนตลาดน้ำมันก็แสดงภาพของการฟื้นตัวได้ดีก็มีส่วนหนุนภาวตลาดของหุ้นกลุ่ม commodities และ cyclical สำหรับปัจจัยภายในสัปดาห์นี้ ประเด็นสำคัญคือต้องจับตาดูสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งหากยอดผู้ติดเชื้อรายวันทรงตัวในสัปดาห์นี้ ก็หมายความว่าประเทศไทยได้รับผลกระทบจำกัดจากการแพร่ระบาดในช่วงวันหยุดปีใหม่ เรายังคงเป้าดัชนี SET ใน 1Q64เอาไว้ที่ 1,590 จุด

ธีมการลงทุน ปัจจัย และกระแสข่าวสำคัญที่จะมีผลกับตลาดในสัปดาห์นี้:

(+) ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ Joe Biden ส่งสัญญาณมาแล้วว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งหลังจากที่สภา congress ให้การรับรองชัยชนะของ Biden เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Biden ก็บอกกับสื่อมวลชนว่าหลังจากที่ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มากราคม 2564 แล้ว เขาจะหา
ช่องทางที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่าหลายล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการจ่ายเช็คโดยตรงให้กับประชาชนชาวอเมริกันด้วย ทั้งนี้ ตลาดคาดว่า Biden น่าจะพยายามผลักดันอย่างหนักให้มีการจ่ายเช็ค US$2,000 ซึ่งในจำนวนนี้นับรวม US$600 ที่ Trump อนุมัติไปแล้ว ซึ่งแปลว่าน่าจะมีการจ่ายเช็คให้กับผู้บริโภคชาวอเมริกันอีก US$1,400

(0/+) สถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศไทยเริ่มทรงตัว ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน (การติดเชื้อในประเทศ) ทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 200 ราย ซึ่งเรามองว่าดีกว่าที่ตลาดเคยกลัวก่อนหน้านี้ สำหรับในสัปดาห์นี้ เรายังคงต้องจับตาดูสถานการณ์ COVID-19 ต่อไป เพราะหากยอดผู้ติดเชื้อรายวันทรงตัวในสัปดาห์นี้ ก็หมายความว่าประเทศไทยได้รับผลกระทบจำกัดจากการแพร่ระบาดในช่วงวันหยุดปีใหม่

ยังคงเน้นหุ้นกลุ่ม cyclical, กลุ่มธนาคาร และหุ้น mid-cap ที่มีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่งในงวด 4Q63

เนื่องจากเรามองว่าตลาดน่าจะขยับแบบ sideways up และจะมีปัจจัยสนับสนุนจากการนำวัคซีนออกมาใช้ทั่วโลก และความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ เราจึงมองว่าหุ้น value cyclical ในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีอย่างเช่น TOP* และ PTTGC* ยังคงน่าสนใจ นอกจากนี้ เรายังคาดว่า
yield curve ของพันธบัตรทั่วโลกจะชันขึ้นอีก ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาวะตลาดของหุ้นกลุ่มธนาคารไทย โดยเฉพาะหุ้นที่ราคายังถูก และตั้งสำรองเอาไว้ในระดับสูงอย่างเช่น BBL* สำหรับกลุ่ม mid-cap เรายังคงชอบหุ้นกลุ่มที่มีแนวโน้มผลประกอบการแข็งแกร่งในงวด 4Q63 และมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในปี 2564 อย่างเช่น กลุ่ม non-bank และ IT/ร้านขาย smartphone ซึ่งในธีมนี้เราเลือก SAWAD*, COM7* และ JMART* เป็นหุ้นเด่น