สรุปภาวะ"ตลาดเงินตลาดทุน"รายสัปดาห์วันที่ 23-27 พฤศจิกายน 2563
เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ขณะที่หุ้นไทยกลับมายืนเหนือ 1,400 จุดได้อีกครั้ง
สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
- เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย แต่การเคลื่อนไหวในภาพรวมยังเป็นกรอบแคบๆ ตลอดสัปดาห์ ขณะที่ตลาดรอติดตามปัจจัยและสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รวมถึงสัญญาณการเข้าดูแลค่าเงินบาทของทางการ นอกจากนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในตลาดพันธบัตรไทยมีสัญญาณชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงหลายสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ดีเงินบาทเริ่มทยอยแข็งค่ากลับมาในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ตามทิศทางของสกุลเงินในภูมิภาครับข่าวดีเรื่องการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายหลังข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด
- ในวันศุกร์ (27 พ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 30.29 เทียบกับระดับ 30.32 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (20 พ.ย.)
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (30 พ.ย.-4 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.00-30.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามน่าจะอยู่ที่ถ้อยแถลงของประธานเฟด การตอบรับของตลาดต่อทีมเศรษฐกิจใหม่ของนายโจ ไบเดนว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สถานการณ์โควิด-19 โลก และข้อมูล PMI เดือนพ.ย. ของจีนและยูโรโซน ส่วนปัจจัยในประเทศ ได้แก่ รายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนต.ค. อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. กระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ และปัจจัยทางการเมืองของไทย ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร การจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ดัชนี PMI และดัชนี ISM ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนพ.ย. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนต.ค. และรายงาน Beige Book ของเฟด
สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย
- หุ้นไทยกลับมาปิดเหนือ 1,400 จุด โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,437.78 จุด เพิ่มขึ้น 3.49% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 96,545.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.19% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 2.16% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 327.93 จุด
- หุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงซื้อต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ขานรับความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ก่อนจะปรับตัวลงในเวลาต่อมาท่ามกลางความกังวลต่อประเด็นทางการเมืองในประเทศ อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยทยอยฟื้นตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางของตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังมีสัญญาณว่ากระบวนการถ่ายโอนอำนาจระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนเก่าและคนใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว และมีข่าวดีเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ตัวที่ 3 ในช่วงกลางสัปดาห์
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (30 พ.ย.-4 ธ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,430 และ 1,415 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,455 และ 1,470 จุดตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและประเด็นทางการเมืองของไทย ตลอดจนสถานการณ์โควิด-19 ประเด็น Brexit และการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัส ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนพ.ย. ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนพ.ย.ของจีน ญี่ปุ่นและยูโรโซน และอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ของไทย