สายเหยี่ยวนำ'ม็อบ 3 นิ้ว' กระแสแผ่ว แนวร่วมลด

สายเหยี่ยวนำ'ม็อบ 3 นิ้ว' กระแสแผ่ว แนวร่วมลด

จังหวะเคลื่อนของ "ม็อบราษฎร" ที่พาตัวเองทะยานจนทะลุเพดานมากขึ้นเท่าไหร่ ย่อมหนีไม่พ้นกับสิ่งที่จะตามมา เหมือนคำพูดที่ว่า "ยิ่งสูงยิ่งหนาว"

สำนวนไทยที่ว่า "ยิ่งสูงยิ่งหนาว" อาจถูกนำมาเปรียบเทียบกับขบวนการเคลื่อนไหวของ "ม็อบราษฎร" ในเวลา-นี้ได้คงไม่ผิด เมื่อทิศทางการขยับสู่เป้าหมายนับวันยิ่งจะสูงขึ้นๆ จนเกินเพดานบินของม็อบต่างๆ ที่เคยเคลื่อนไหวมาในอดีต

การชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ของนิสิตนักศึกษาหลายสถาบัน ตั้งแต่ช่วงก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น ถือเป็นปรากฎการณ์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยข้อเรียกร้องของเยาวชนคนรุ่นใหม่ขณะนั้น ยังอยู่ในวิสัยที่ทำให้แนวร่วมจำนวนมากไม่ลังเลที่จะออกมาแสดงพลังว่ารู้สึกอย่างไรต่อรัฐบาล พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เห็นได้จากนิสิตนักศึกษาหลายสถาบันทั่วประเทศ ที่รวมตัวในชื่อกลุ่มต่างๆ อาทิ องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยเป็นโต้โผใหญ่ในการรวบรวมรายชื่อมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เพื่อยื่นข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาล

ขณะที่สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ไม่ได้อยู่เฉย ไฟเขียวให้นักศึกษาจัดการชุมนุม และสามารถเข้าร่วมการชุมนุมได้ กลุ่มนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อประชาธิปไตย , กลุ่มมอกะเสด (KU daily) ที่เคยออกมาชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาล หยุดคุกคามประชาชน ยุบสภา และแก้รัฐธรรมนูญ

กลุ่มนักศึกษาหัวก้าวหน้าเรียกร้องประชาธิปไตย ของ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร (มศว.) ที่เคยชุมนุมเรียกร้องความยุติธรรมให้พรรคอนาคตใหม่ หลังถูกยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริการพรรค กรณีเงินกู้ 191 ล้านจาก "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ"

ขณะที่องค์กรนิสิตรัฐศาสตร์ มศว. ก็เคยออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาล หยุดคุกคามปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก ของประชาชน

กลุ่มภาคีนักศึกษาศาลายา มหาวิทยาลัยมหิดล ก็เคยเคลื่อนไหวใน 3 ข้อเรียกร้อง และอีก 2 จุดยืน คือ ไม่เอารัฐประหาร และรัฐบาลแห่งชาติ

นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.)ธัญบุรีจังหวัดปทุมธานี ก็เคยร่วมชุมนุมเรียกร้องในประเด็นที่สอดคล้องกับนิสิตนักศึกษาหลายสถาบัน หรือในต่างจังหวัด เช่นมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็มีนิสิตเคลื่อนไหวเรียกร้องในประเด็นใกล้เคียงกันทั้งสิ้น

ในเมื่อมีม็อบสายพิราบ ก็ย่อมต้องมีม็อบสายเหยี่ยว ที่นำการเคลื่อนไหวทะลุเพดาน ด้วยการนำประเด็น "ปฏิรูปสถาบัน" เข้ามารวมไว้ด้วย ซึ่งไม่ต้องบอกว่าแกนนำผู้ชุมนุมใครบ้างที่เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน สังคมทราบกันดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะนับตั้งแต่การประกาศรวมตัวเป็น "กลุ่มราษฎร 2563" เท่ากับเป็นการพลิกโฉมหน้าการเคลื่อนไหวอย่างยากจะหวนกลับ

แน่นอนว่าเมื่อแกนนำผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน พยายามจะนำม็อบเฉียดเข้าใกล้บางสิ่งบางอย่าง แนวร่วมจำนวนไม่น้อยจึงต้องตั้งสติ ทบทวนท่าทีการเคลื่อนไหวจึงอาจเป็นที่มาในช่วงก่อนหน้านี้ว่า "ม็อบราษฎร" เผชิญกระแสทางลบ กำลังแผ่ว

นั่นอาจเพราะเหตุผลในการแสดงออกต่างๆ ทั้งผ่านการปราศรัยของแกนนำฮาร์ดคอร์ การแสดงออกผ่านป้ายข้อความ การพ่นสีสเปรย์ ที่ใครได้เห็นข้อความก็ต้องผงะ

ล่าสุด "การ์ดอาชีวะ" กลุ่มหลักๆ ที่มีบทบาทเป็นแนวหน้าให้ผู้ชุมนุม ทั้ง  "กลุ่มอาชีวะเพื่อนประชาธิปไตย" และ "ฟันเฟืองประชาธิปไตย" ประกาศผ่านโซเชียลมีเดีย ว่าไม่เห็นด้วยกับท่าทีและการแสดงออกที่ดูหมิ่นจาบจ้วง ของผู้ชุมนุม และประกาศอารยะขัดขืน ไม่ร่วมชุมนุมในวันที่25 .. ที่บริเวณหน้าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์

จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า นิสิตนักศึกษาในนามกลุ่มต่างๆ ของแต่ละสถานศึกษา แทบไม่เห็นความเคลื่อนไหวในช่วงนี้ แตกต่างอย่างชัดเจนจากช่วงก่อนหน้า นั่นอาจเป็นเพราะเหตุผลเดียวกับ"กลุ่มการ์ดอาชีวะ" ที่ไม่สบายใจในทิศทางการเรียกร้อง จึงตัดสินใจถอยห่างออกมาหรือไม่หรือเลือกจะเคลื่อนไหวในนามส่วนตัวแทนที่จะให้ชื่อกลุ่มที่ผูกโยงกับสถาบันการศึกษาอย่างที่เคยทำ

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การที่ "ม็อบราษฎร" ยังคงพยายามไต่เพดานให้สูงขึ้นไปมากเท่าไหร่ย่อมต้องเจอกับแรงเสียดทานจากรอบทิศมากขึ้นเท่านั้น ทั้งแนวร่วมที่อาจหดหาย ปฏิกิริยาจากคนที่ไม่เห็นด้วย การปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่รัฐ ที่เตรียมใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นกับผู้ชุมนุมที่ทำผิดกฎหมาย และสำหรับแกนนำผู้ชุมนุมเอง เส้นทางข้างหน้าของพวกเขา อาจไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป