หุ้น'ท่องเที่ยว'เด้งรับวัคซีนโบรก ชี้ ระยะสั้นเสี่ยงพักฐานเหตุขึ้นแรง

หุ้น'ท่องเที่ยว'เด้งรับวัคซีนโบรก ชี้ ระยะสั้นเสี่ยงพักฐานเหตุขึ้นแรง

โบรกชี้หุ้นกลุ่มภาคท่องเที่ยวพุ่งขานรับวัคซีนคืบหน้า  นำโดย  “ไมเนอร์-แอสเสท เวิรด์-ท่าอากาศยานไทย”   ด้าน “ซีจีเอส -ซีไอเอ็มบี” ชี้ระยะสั้นอาจพักฐานหลังขึ้นแรง  “หยวนต้า” แนะเก็บหุ้นรับผลดีวัคซีนติดพอร์ตแต่หุ้นที่ราคายังปรับตัวขึ้นไม่มาก 

จากไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคแถลงผลทดลองวัคซีนโควิด-19 ว่ามีประสิทธิภาพถึง90%ในการป้องกันการติดเชื้อ และเตรียมที่จะมีการยื่นจดทะเบียนวัคซีนต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ(FDA) ในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งส่งผลดีทำให้หุ้นกลุ่มภาคท่องเที่ยว สายการบิน ค้าปลีก น้ำมัน โรงกลั่น ธนาคารพาณิชย์ ฯลฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น

สำหรับหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มภาคการท่องเที่ยวปรับขึ้นแรง นำโดย บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เพิ่มขึ้น 26.23% หรือ 4.80 บาท อยู่ที่ 23.10 บาท รองมาบมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป(AWC) เพิ่มขึ้น20% หรือ 0.68บาท อยู่ที่  4.08 บาท  บมจ.ท่าอากาศยานไทย AOT 18.34% หรือ 10.50 บาท อยู่ที่ 67.75 บาท


นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากข่าววัคซีนมีความคืบหน้านั้นส่งผลดีบวกต่อหุ้นกลุ่มภาคท่องเที่ยว โรงแรม หุ้นสายการบิน หุ้นที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นหากภาวะเศรษฐกิจมีการฟื้นตัว เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มธนาคาร น้ำมัน โรงกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ในระยะสั้นมองว่าหุ้นกลุ่มดังกล่าวอาจจะมีการปรับฐานก่อนหลังจากวานนี้(10 พ.ย.)ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง ทำให้นักลงทุนจะต้องมีการเลือกลงทุนหุ้นกลุ่มดังกล่าวที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานและผลดำเนินงานมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น

สำหรับหุ้นที่บริษัทแนะนำ คือ MINT เพราะ ที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวลดลงแรงถึง 49% และผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวแรงเพราะได้ประโยชน์หากต่างประเทศมีการคุมการแพร่ระบาดได้ดี เพราะโรงแรมส่วนใหญ่ของMINT อยู่ในต่างประเทศ, กลุ่มโรงกลั่น จากความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นจากประชาชนหันมาเดินทาง แนะนำบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)TOP และบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC และทั้ง2บริษัทราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีถึง 9 พ.ย.ปรับลงแรงถึง 45% และกลุ่มค้าปลีกแนะนำบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ CRC บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)หรือ CPNจะได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวกลับมา เพราะ มีการใช้จ่ายผ่านห้างสรรพสินค้าดังกล่าว

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสบล. กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า หุ้นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากข่าวความคืบหน้าพัฒนาวัคซีน นำโดย กลุ่มทรานสปอร์ต แบงก์ ปิโตรเคมี รองมาเป็นหุ้น กลุ่มก่อสร้าง สื่อมีเดีย ไฟแนนซ์ ขณะเดียวกันหุ้นกลุ่มแบงก์ สนามบิน ห้างสรรพสินค้า มีการปรับขึ้นแรงเช่นกัน

ทั้งนี้กลยุทธ์ สำหรับนักลงทุนที่ยังรับความเสี่ยงได้ และตกขบวนไปรอบที่แล้ว สามารถพิจารณาเข้าลงทุนกลุ่มหุ้นแถวสองมากกว่า เนื่องจากเป็นกลุ่มหุ้นที่ไม่ถูกกดดันจากปัจจัยการเมืองและราคาปรับลงมาแล้วค่อนข้างมาก โดนพิจารณาเลือกรายตัวในราคาเป้าหมายที่เหมาะสม เช่น BEM 10.60 บาทต่อหุ้น ,JMT 39บาทต่อหุ้น ,MTC 64.5 บาทต่อหุ้น , CK 29.60บาทต่อหุ้น ,TISCO 84 บาทต่อหุ้น

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย)  กล่าวว่า หุ้นไทยรับข่าวความคืบหน้าพัฒนาวัคซีนมาเร็วกว่าที่คาด หนุนหุ้น6กลุ่มที่นอนอยู่ข้างล่าง เช่น กลุ่มแบงก์ อสังหาริมทรัพย์ ท่องเที่ยว บันเทิง การแพทย์ ขนส่ง จะตีกลับขึ้นมาทั้งหมด และยังคาดว่าจะมีแรงซื้อหุ้นคืนหลังจากก่อนหน้านี้ที่ขายชอร์ตไปจึงทำให้ราคาปรับตัวขึ้นเร็ว

ทั้งนี้จากปัจจัยเรื่องความคืบหน้าวัคซีนนั้นทำให้นักลงทุนจะต้องมีหุ้นที่ได้ประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าวติดพอร์ต แต่นักลงทุนควรเลือกลงทุนเป็นรายตัวที่ราคายังปรับขึ้นไม่มากและมีโอกาสขึ้นต่อได้ เช่น กลุ่มการแพทย์ โรงแรม แบงก์ เช่น BDMS ให้ราคาเหมาะสม 24.30บาทต่อหุ้น, EKH ให้ราคาเหมาะสม 4.90บาทต่อหุ้น , CENTELให้ราคาเหมาะสม 29.30บาทต่อหุ้น และKBANK 100.50 บาทต่อหุ้น