'พิธา' ยัน 'ก้าวไกล' ไม่ส่งสมัครเลือกตั้งท้องถิ่น

'พิธา' ยัน 'ก้าวไกล' ไม่ส่งสมัครเลือกตั้งท้องถิ่น

'พิธา' ยัน 'ก้าวไกล' ไม่ส่งสมัครเลือกตั้งท้องถิ่น เตือน ห้ามแอบอางชื่อไปหาเสียง

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า "ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้รับรายงานอย่างต่อเนื่องถึงการนำชื่อและสัญลักษณ์ของพรรคไปใช้ในการหาเสียงเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ในหลายพื้นที่โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากทางพรรคแต่อย่างใด"

"ด้วยเหตุนี้ จึงขอเรียนว่า พรรคก้าวไกลไม่มีการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น นายก อบจ. หรือ ส.อบจ. และไม่ยินยอมให้ผู้สมัคร หรือผู้ใด นำชื่อหรือสัญลักษณ์พรรคก้าวไกลไปใช้ในการหาเสียงดังกล่าว ในทุกกรณี"

ด้าน นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลงนามในหนังสือเรื่องร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.ว่า หากจะมองว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลจะรู้สึกตัวและละอายลุกมาเริ่มดำเนินการแก้ปัญหาทางออกประเทศไทยที่เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นสัญญานที่ดี แต่อีกด้านนึงนี่คือการเบี่ยงประเด็นและผ่อนปรนเพื่อลดแรงกระแทกของสังคมในขณะนี้ การทำประชามติโดยที่ยังมีนายกรัฐมนตรี ชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไร้ความชอบธรรมอยู่ดี ทางออกของประเทศไทยตอนนี้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ คุณประยุทธ์ต้องลาออกทันที อย่าซื้อเวลา อย่าตบตาประชาชน ด้วยการอ้างว่าลงนามเพื่อผ่านร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ...

นายณัฐชา กล่าวว่า รัฐบาลควรมีความชัดเจนและแสดงความจริงใจต่อประชาชน ด้วยการลงนามร่างพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. .... ครั้งนี้ต้องการเปิดประตูหาทางออกให้ประเทศจริง ๆ ไม่ใช่การเล่นละครตบตาเบี่ยงประเด็น  ถึงเวลาแล้วเริ่มกันใหม่ ใช้สภาเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย ด้วยการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จากบัญชีของพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่าจะเป็นจากพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคอื่น หากพรรคใดได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. มากที่สุด พวกเราสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แม้จะไม่ได้ร่วมรัฐบาลก็ยอมยกมือให้รายชื่อจากบัญชีของพรรคนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อไม่ต้องใช้เสียงจากสมาชิกวุฒิสภา แต่การที่นายกรัฐมนตรีดึงดันจะทำประชามติแทนการลาออกถือเป็นการยื้อเวลาเพื่อประโยชน์ของตัวเองทั้งสิ้น