DELTAกระทบน้อยสหรัฐตัดGSP

DELTAกระทบน้อยสหรัฐตัดGSP

DELTAยันได้รับผลกระทบไม่มากจากสหรัฐตัดจีเอสพีสินค้าไทย เหตุมีฐานการผลิตในหลายประเทศ ด้าน โบรก  ชี้ ราคาหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ร่วงแค่ตกใจระยะสั้น ยันไม่กระทบต่อปัจจัยพื้นฐานหุ้น

สหรัฐประกาศตัดสิทธิพิเศษภาษี(GSP) สินค้าของไทยครั้งที่ 2 จำนวน 231 รายการ เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์,สินค้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางประเภท,เครื่องครัวอะลูมิเนียม,หอยบางชนิดฯลฯ นั้น กดดันราคาหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวลดลง นำโดย บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA ) ลดลง6.11% อยู่ที่ 42.25 บาท บมจ.เอสวีไอ (SVI) ลดลง 5.24%  อยู่ที่ 4.88%  บมจ. แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (CCET )ลดลง 4.35% อยู่ที่ 2.20 บาท ซึ่งมีเพียง 2 บริษัทที่ราคาสามารถพลิกกลับมาปิดบวกได้ คือ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA ) และ บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) (SMT)

   นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เปิดเผยว่า กรณีสหรัฐตัดGSP นั้น ในส่วนของบริษัทคาดว่าจะไม่ได้รับกระทบมากนัก เนื่องจากบริษัทมีฐานการผลิตในหลายประเทศ ซึ่งยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ประกอบกับการส่งออกสินค้าของบริษัทจากประเทศไทยไปสหรัฐไม่มาก ทำให้บริษัทอาจจะต้องปรับกลยุทธ์บ้างส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะ ต้องขอดูรายละเอียดสินค้าที่สหรัฐตัดGSP นั้น จะจะมีสินค้าตัวไหนบ้าง

“เบื้องต้นบริษัทขอดูรายละเอียดสินค้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในสินค้าต่างๆที่บริษัทมีการผลิตว่าจะได้รับผลกระทบจากที่สหรัฐตัดGSP นั้นมีตัวไหนบ้าง ซึ่งในส่วนชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในอุตสาหกรรมรถยนต์ส่วนใหญ่เราส่งไปยุโรป  ”

สำหรับผลการดำเนินงานปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องและคาดกำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากยอดขายสินค้าทุกกลุ่มเติบโตที่ดี

       

นายเอนกพงศ์ พุทธาภิบาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เอเชียพลัส กล่าวว่า หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวลง ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากข่าวที่สหรัฐตัดสิทธิGSP กับไทยรอบ2 แต่กระทบจำกัดหรือกระทบน้อยแค่ระยะสั้นเท่านั้น เพราะในส่วนพื้นฐานยังเป็นปกติ

 สำหรับผลกระทบกรณีตัดสิทธิGSPไม่กระทบทั้งเศรษฐกิจและแนวโน้มภาคส่งออกในปี2564 มากนัก เพราะไทยใช้สิทธิGSPส่งออกสินค้าไปสหรัฐราว4-4.4พันล้านบาทต่อปีคิดราว15%ของยอดส่งออกสินค้ารวมGSPและไม่ใช้สิทธิGSPไปสหรัฐโดยปี2562 ราว2.8 หมื่นล้านบาท แต่จะกระทบคือผู้ส่งออกสินค้าที่อยู่ในรายการสินค้าดังกล่าวจะเสียภาษีเพิ่ม4-5%

 อย่างไรก็ตามด้วยปัจจัยเศรษฐกิจทั่วโลกยังฟื้นตัวล่าช้าและหุ้นกลุ่มนี้บางตัวพื้นฐานยังดีแต่ราคาหุ้นตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้วดังนั้นเรายังคงแนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ให้น้ำหนักน้อยกว่าตลาด