คาดตลาดเอเซียปรับตัวลงน้อยกว่ายุโรปและสหรัฐฯ

คาดตลาดเอเซียปรับตัวลงน้อยกว่ายุโรปและสหรัฐฯ

มีหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ปรับลดลงจากโควิดและเตรียมรับผลจากการเลือกตั้งประธานาธิบดี

หุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ปรับลดลง 3-4% ซึ่งเรามองว่าเกิดจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1) สถานการณ์โควิดระลองสองและสาม ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่เร่งตัวขึ้นแตะ 5 แสนราย (จากจุดสูงสุดในระลอกที่หนึ่งและสองที่ 9 หมื่น และ 2.9 แสนราย/วัน) ทำให้ประเทศในยุโรปทยอยปิดเมือง/กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางประเภทเพิ่มเติม ซึ่งจะกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 2) การปรับพอร์ตรับผลเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มว่าผู้สมัครจากเดโมแครต โจ ไบเดน มีโอกาสเป็นประธานาธิปดีคนใหม่ในการเลือกตั้ง 3 พ.ย.นี้

ตลาดช่วงสั้นจะตอบรับเชิงลบต่อนโยบายขึ้นภาษีของผู้ชิงตำแหน่งปธน.สหรัฐฯ แม้คะแนนนิยมของประธานาธิปดีทรัมป์จะตีตื้นขึ้นมาเหลือห่าง 7.5 จุด (จากห่างมากสุด 10 จุด) แต่เมื่อพิจารณารายละเอียดของการเลือกตั้งแบบคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral vote) ซึ่งถ่วงน้ำหนักของคะแนนแต่ละรัฐไม่เท่ากัน ซึ่งเมื่อรวมคะแนนจากรัฐที่มีการแพ้ชนะชัดเจนแล้ว สถานการณ์จะตามหลังไบเดนอยุ่มาก และต่อให้รวมคะแนนเสียงจาก 5 รัฐที่ก้ำกึ่ง อาทิ ฟลอริดา, โอไฮโอ, จอร์เจีย. นอร์ธคาโลไรนา และไอโอวา ก็อาจจะยังไม่เพียงพอ ดังนั้นเราให้น้ำหนักกับการเปลี่ยนตัวประธานาธิปดี จะทำให้ประเมินตลาดจะตอบรับเชิงลบต่อนโยบายขึ้นภาษีนิติบุคคลที่จะกระทบต่อผลประกอบการหุ้นสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามในเชิงของการจัดสินทรัพย์ลงทุน (asset allocation) คาดจะเห็นการลดน้ำหนักหุ้นสหรัฐฯ และเพิ่มน้ำหนักหุ้นเอเชียและตลาดเกิดใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้การปรับลดลงของหุ้นเอเชีย อยู่ในระดับที่รุนแรงน้อยกว่า

ระยะสั้นตลาดยังเก็งกำไรหุ้นโควิด แต่คาดหลังจากนี้โมเมนตัมจะกลับไปยังหุ้นขนาดใหญ่ คาดหุ้นที่ได้ผลดีจากสถานการณ์โควิด ยังมีโมเมนตัมบวกในระยะสั้น STA, STGT, DELTA, SINGER, AK, VNT, COM7 แต่คาดจะเห็นการหมุนกลุ่ม (rotation) กลับไปยังหุ้นขนาดใหญ่หลังจากนี้ เนื่องจากประมาณการกำไรบจ.ที่เริ่มผ่านจุดต่ำสุด ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ที่ลงมาลึก มีโอกาสฟื้นตัว อาทิ BBL, KBANK, ADVANC, SPALI

เลือกลงทุนรายตัว เน้นหุ้นปลอดภัย ระวังกลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ CPF, TU, TIP, THRE, ADVANC, INTUCH, DIF, JASIF, SUPEREIF, BTSGIF, BCH, CHG, WHAUP, EASTW, SUPER, SSP ขณะที่ระวังกลุ่มท่องเที่ยว หลังตัวเลขอัตราเข้าพักก.ย.ออกมาที่ 34.32% (ส.ค.ที่ 31.65%) แต่รายได้จากการท่องเที่ยว ลดลงเหลือเพียง 7.63 หมื่นลบ. (ส.ค.ที่ 8.65 หมื่นลบ.) ทำให้หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวโดยเฉพาะโรงแรมคาดจะยังมีผลขาดทุนอีกนาน ขณะที่ภาระหนี้จะสร้างแรงกดดันต่อโอกาสเพิ่มทุน โดยตลาดจะประเมินสิ่งนี้จากงบไตรมาส 3/63

ภาพรวมกลยุทธ์ คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบจำกัด รวมถึงอาจซึมลงจากปัจจัยกดดันทั้งภายในและภายนอก ประเมิน downside ที่ 1180-1200 จุด โดยยังระวังการขายทำกำไรหุ้นกลางเล็กและกลับเข้าหุ้นใหญ่ หลังเริ่มเห็นการปรับเพิ่มประมาณการกำไรบจ. // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร STA*, VNT*, SPALI*

แนวรับ 1,180-1,200 จุด / แนวต้าน : 1,215 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นการลงทุน

ทรัมป์รับสหรัฐไม่สามารถผลักดันมาตรการกระตุ้นได้ทันก่อนเลือกตั้ง พร้อมเน้นย้ำว่าสหรัฐจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาหลังเลือกตั้งเสร็จสิ้น

ครม.อนุมัติ 4 โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ งบ 111 ลบ. 1.โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน 2.โครงการยกระดับบุคลากรท่องเที่ยวไทย 3.โครงการพัฒนาเนินทรายงามเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และ 4.โครงการต้นแบบ SHA สร้างสถานประกอบให้มีความปลอดภัยด้านสุขอนามัยตามวิถีท่องเที่ยวแนวใหม่

ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ย. อยู่ที่ 94.71 ลดลง 2.75% yoy แต่เพิ่มขึ้น 3.25% mom โดยเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ขณะที่ อัตราการใช้กำลังการผลิต อยู่ที่ 63.07% เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 เช่นกัน สะท้อนให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับระดับในช่วงก่อนเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19

ประเด็นติดตาม: 29 ต.ค. – BOJ meeting, ECB meeting / US GDP 3Q63 / US initial jobless claims, 30 ต.ค. – EU GDP 3Q63

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)