7 เดือน ไทยใช้สิทธิ์เอฟทีเอ-จีเอสพีลดลง 14.77 %

7 เดือน ไทยใช้สิทธิ์เอฟทีเอ-จีเอสพีลดลง 14.77 %

คต. เผยภาพรวมการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ เอฟทีและจีเอสพี 7 เดือนแรกของปี 63 ใช้สิทธิฯ ส่งออกอาหาร/เครื่องดื่ม เติบโตต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี เผยสหรัฐใช้สิธิจีเอสพีเพิ่มขึ้นแม้สินค้าถูกตัดสิทธิไป 573 รายการ

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยการใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ  และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไปหรือจีเอสพี  ระหว่างเดือนม.ค.-ก.ค  2563 โดยมูลค่าการใช้สิทธิฯ รวมเท่ากับ 35,421.85 ล้านดอลลาร์ มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 77.94  % แบ่งเป็นมูลค่าการใช้สิทธิเอฟทีเอ  32,875.25 ล้านดอลลาร์และมูลค่าการใช้สิทธิจีเอสพี 2,546.60 ล้านดอลลาร์  โดยภาพรวม การใช้สิทธิประโยชน์ฯ 7 เดือนแรกของปี 2563 ลดลง 14.77 % 

การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงทางการค้าเสรีในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2563 มีมูลค่า 32,875.25 ล้านดอลลาร์  ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา 15.88 % มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 77.69 %โดยตลาดที่ไทยส่งออกโดยมีมูลค่าการใช้สิทธิฯ ภายใต้เอฟทีเอ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่  จีน มูลค่า 11,152.89 ล้านดอลลาร์  อาเซียน มูลค่า 10,798.63 ล้านดอลลาร์  ญี่ปุ่น มูลค่า 3,890.21 ล้านดอลบาร์ ออสเตรเลีย มูลค่า 3,426.95 ล้านดอลลาร์  และ อินเดีย มูลค่า 1,784.67 ล้านดอลลาร์

 สำหรับกรอบความตกลงการค้าเสรีที่มีอัตราการใช้สิทธิ-ประโยชน์ฯ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่  ไทย-ชิลี ,อาเซียน-จีน , ไทย-เปรู ,ไทย-ญี่ปุ่น และอาเซียน-เกาหลี  สินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูง อาทิ ทุเรียนสด ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ ฝรั่ง มะม่วง มังคุด ยานยนต์เพื่อขนส่งของที่น้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 5 ตัน ยานยนต์สำหรับขนส่งบุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไป มันสำปะหลัง เป็นต้น

160369214612

การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ GSP ทั้ง 4 ระบบ สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช และนอร์เวย์ ในช่วง ม.ค-ก.ค  2563 มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 2,546.60 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 2.61 % และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 81.32 % ตลาดส่งออกที่ไทยมีมูลค่าการใช้สิทธิฯ มากที่สุดคือ สหรัฐ มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 2,243.21 ล้านดอลลาร์  เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 0.49 % และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ  83.24 %

ทั้งนี้มูลค่าการใช้สิทธิฯ จีเอสพีสหรัฐฯ ตั้งแต่ พ.ค. 63 คำนวณจากลิสท์รายการสินค้าที่ได้รับสิทธิฯจีเอสพปี 2563 (Eligible list) จำนวน 2,672รายการ โดยไม่รวมสินค้า 573รายการ ที่ถูกระงับสิทธิฯ ไปเมื่อ 25เม.ย. 63

อันดับสองคือ สวิตเซอร์แลนด์ มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 200.24 ล้านดอลลาร์เ อันดับสามคือ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 84.64 ล้านดอลลาร์ เและนอร์เวย์ มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 18.51 ล้านดอลลาร์  สินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูง อาทิ ถุงมือยาง อาหารปรุงแต่ง ส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ กรดซิทริก เลนส์แว่นตาทำด้วยวัสดุอื่นๆ ฐานรองฟูกทำด้วยยางเซลลูลาร์หรือพลาสติก เป็นต้น

160369219881

สำหรับสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม เกษตรแปรรูป ไทยยังคงเป็นครัวของโลกที่มีศักยภาพในการผลิตและส่งออกสินค้าดังกล่าวได้อย่างหลากหลาย และสามารถส่งออกไปหลายประเทศคู่ค้าได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี แม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งทำให้เศรษฐกิจคู่ค้าชะลอตัว โดยสินค้าที่ยังคงขยายตัวได้ดี อาทิ เครื่องดื่มที่ไม่เติมแก๊ส เช่น นม ผลไม้สด อาหารปรุงแต่ง น้ำผลไม้ปลาทูน่าปรุงแต่ง  อาหารปรุงแต่งที่ทำจากเกล็ดธัญพืช   เต้าหู้ปรุงแต่ง  ฝรั่ง มะม่วง มังคุด กุ้ง เป็นต้น