รู้จัก 'กลุ่มอาการเครียดจากการเมือง' ผลกระทบเมื่ออิน 'การเมือง' มากเกินไป

รู้จัก 'กลุ่มอาการเครียดจากการเมือง' ผลกระทบเมื่ออิน 'การเมือง' มากเกินไป

การเมืองที่ตึงเครียด การแสดงความคิดเห็นหลากหลายมิติในโซเชียลมีเดีย การติดตามข่าวสารที่ทำให้เกิดความเครียดไปตามสถานการณ์ที่พบเห็นโดยไม่รู้ตัว ที่เรียกว่า "กลุ่มอาการเครียดจากการเมือง" หรือ "Political Stress Syndrome"

อาการนอนไม่หลับ เครียด หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ชาตามร่างกาย ฯลฯ เริ่มเกิดขึ้นกับใครหลายๆ หลังจากติดตามสถานการณ์การเมือง #ม็อบ14ตุลา ที่ค่อยๆ ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ การแสดงความคิดเห็นหลากหลายมิติในโซเชียลมีเดียจากหลากหลายมุมมอง 

อาการเหล่านี้เริ่มสะท้อนว่าเหตุการณ์เหล่านี้อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความเครียดโดยไม่รู้ตัว (Hidden Stress)

160286097528

การติดตามข่าวสารเป็นเรื่องที่ดี แต่หากไม่สามารถจัดการกับ "ความเครียด" ที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้ หรือไม่สามารถทำให้ความเครียดหายไปตามเวลาที่ควรจะเป็น ความเครียด จิตตก หดหู่ ที่ต่อเนื่องยาวนานอาจนำไปสู่ "อาการเครียดจากการเมือง" หรือ Political Stress Syndrome (PSS) ซึ่งอาการของโรคเหล่านี้ จะส่งผลกระทบต่อชีวิตเราไปในระยะยาว

ข้อมูลจาก มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ระบุว่า กลุ่มอาการเครียดจากการเมือง (Political Stress Syndrome: PSS) ไม่ใช่โรคที่เกิดจากปัญหาทางสุขภาพจิต แต่เป็นปฏิกิริยาของอารมณ์และจิตใจที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่มีความสนใจปัญหาทางการเมืองมากๆ หรือ ติดตามสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด หรือเอนเอียงไปทางกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จนทำให้มีอาการทางกาย จิตใจ และกระทบต่อสัมพันธภาพกับผู้อื่น

กลุ่มอาการเครียดจากการเมือง (Political Stress Syndrome: PSS) ไม่ใช่โรคที่เกิดจากปัญหาทางสุขภาพจิต แต่เป็นปฏิกิริยาของอารมณ์และจิตใจที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่มีความสนใจปัญหาทางการเมืองมากๆ หรือ ติดตามสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด หรือเอนเอียงไปทางกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีความคิดคาดการณ์ที่นำไปสู่ความรู้สึกวิตกกังวล หรือกังวลต่อเหตุการณ์ในอนาคต (Anticipatory Anxiety) เช่น กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงเฉกเช่นอุบัติการณ์ในอดีต ไม่ว่าจะเป็น เหตุการณ์ 14 ตุลา 16, มหาวิปโยค 6 ตุลาคม 2519, เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เป็นความหวาดวิตกที่ฝังอยู่ในใจ  

โดย 3 ลักษณะกลุ่มอาการ มีความเกี่ยวข้องกันที่กำลังส่งสัญญาณว่า คุณอาจตกอยู่ในภาวะเครียดจากการเมืองเข้าแล้ว ประกอบด้วย

1. อาการทางกาย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ตึงบริเวณขมับ ต้นคอหรือตามแขน ขา นอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ หรือหลับแล้วตื่นกลางคืนไม่สามารถหลับต่อได้ ใจสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติทั้งๆ ที่อยู่ในสภาพปกติ หายใจไม่อิ่ม อึดอัดในช่องท้อง แน่นท้อง ปวดท้อง ชาตามร่างกาย

2. อาการทางใจ วิตกกังวล ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา หงุดหงิดง่าย โกรธ ฉุนเฉียว ก้าวร้าว เบื่อหน่าย ท้อแท้ หมดหวัง สิ้นหวัง รู้สึกไม่มีทางออก สมาธิไม่ดี ฟุ้งซ่านหรือหมกมุ่นมากเกินไปบันทึกครั้งล่าสุดโดย

3. ปัญหาพฤติกรรมและสัมพันธภาพกับผู้อื่น มีการโต้เถียงกันกับผู้อื่น หรือแม้แต่บุคคลในครอบครัว โดยใช้อารมณ์ตั้งแต่ปานกลางถึงรุนแรง โดยไม่สามารถยับยั้งตนเองได้ มีความคิดที่จะตอบโต้โดยใช้กำลังในการเอาชนะ มีการลงมือทำร้ายร่างกายเพื่อตอบโต้ มีการเอาชนะทางความคิดกับคนที่เคยมีสัมพันธภาพที่ดีมาก่อน จนทำให้เกิดปัญหาด้านสัมพันธภาพอย่างรุนแรง

หากมีอาการเหล่านี้ทั้งใน 3 กลุ่มอาการ แนะนำให้ปฏิบัติ ดังนี้

1. หันเหความสนใจไปเรื่องอื่นๆ ที่สนใจ เพื่อลดการโฟกัสจนกลายเป็นความเครียดสะสม

2. ลดความสำคัญของปัญหาลงมาชั่วขณะ ให้ความสำคัญกับเรื่องเร่งด่วนตามหลักอื่นๆ 

3. หาทางระบายออกโดยเลือกผู้ที่มีแนวคิดใกล้เคียงกัน

4. แบ่งเวลามาออกกำลังกายและพักผ่อน

5. ฝึกวิชาผ่อนคลายตนเอง เช่น ฝึกสติและสมาธิ ฝึกโยคะ ฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เช่น กำหนดลมหายใจ เข้า-ออก 

ซึ่งหากไม่อยู่ในระดับที่รุนแรง เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง อาการเครียดจะค่อยๆ ลดลง แต่ในกรณีที่หากมีอาการเข้าข่ายกลุ่มอาการเครียดจากการเมือง เกินกว่า 1 สัปดาห์ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ ผ่านช่องทางคลินิกคลายเครียด ในสถานบริการสุขภาพจิตทั่วประเทศ หรือโทรศัพท์สายด่วน 1323 รวม 17 คู่สาย ในกรณีที่สายไม่ว่างหรือติดต่อไม่ได้ ให้ฝากข้อความได้ที่ โทรศัพท์อัตโนมัติ หมายเลข 1667 (140 คู่สาย)

การแสดงออกทางการเมืองเป็นสิทธิของประชาชนทุกคน แต่จะดีไม่น้อยหากการขับเคลื่อนไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของตัวเอง ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ ที่เป็นต้นทุนสำคัญในการพัฒนาประเทศในมิติต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ในระยะยาว

ที่มา: มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์