ข้าวไทยแพงสุดเอเชียอินเดียส่งออกแซงหน้า

ข้าวไทยแพงสุดเอเชียอินเดียส่งออกแซงหน้า

กระทรวงเกษตรสหรัฐรายงานจับตาการส่งออกข้าวอินเดีย เพิ่มขึ้นต่อเนื่องส่อเค้าแซงไทยที่เจอภัยแล้ง-พื้นที่ปลูกข้าวลด ดันราคาสูงต่อเนื่องแพงสุดในเอเชีย

รายงานประจำเดือน ส.ค. ของสำนักงานเกษตรต่างประเทศ กระทรวงเกษตรสหรัฐ กล่าวถึงภาพรวมข้าว ประจำปี 2563/2564 การผลิตทั่วโลกลดลงในเดือน ส.ค. ส่วนใหญ่เนื่องจากผลผลิตข้าวไทยลดลง ประกอบกับการบริโภคลดลงเช่นกัน ส่วนใหญ่จากในประเทศไทย การค้าโลกคาดว่าจะขยายตัวขึ้นจากการที่อินเดียและบราซิลส่งออกมากขึ้น ชดเชยการลดลงของข้าวไทยได้

ราคาข้าวในตลาดโลกตลอดเดือนที่ผ่านมาราคาส่งออกข้าวเมล็ดยาวสหรัฐยังอยู่ที่ 625 ดอลลาร์ต่อตัน เมื่อต้นเดือน ก.ย.พืชผลกว่า 1 ใน 4 ถูกเก็บเกี่ยวแล้ว แม้ว่าราคาจะลดลงอย่างช้าๆ จนกว่าจะมีการเพาะปลูกใหม่เพิ่มเติม

ในทางตรงกันข้าม ราคาอุรุกวัยพุ่งขึ้นสู่ระดับ 575 ดอลลาร์ต่อตันเพราะอุปทานในอเมริกาใต้ตึงตัว ราคาข้าวไทยอยู่ที่ 500 ดอลลาร์ต่อตันสูงสุดในบรรดาประเทศเอเชีย ผนวกกับแนวโน้มผลผลิตลดลงและเงินบาทแข็งค่า ราคาข้าวเวียดนามเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 483 ดอลลาร์ต่อตัน เนื่องจากตลาดรอการเก็บเกี่ยวครั้งที่ 10 ของเดือน ข้าวปากีสถานราคายังอยู่ที่ตันละ 445 ดอลลาร์ ข้าวอินเดียลดลงเหลือตันละ 375 ดอลลาร์ ในบรรดาผู้ส่งออกรายใหญ่ มีเพียงอินเดียเท่านั้นที่ราคายังเท่ากับปีก่อน ขณะที่ประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะเดียวกันคาดว่า การส่งออกจากอินเดียจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแซงหน้าไทยไปมาก การส่งออกข้าวไทยน่าจะต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2541 แล้วไปฟื้นตัวในปี 2564 ที่การส่งออกข้าวอินเดียเพิ่มขึ้นเช่นกันและครอบงำตลาดโลก เนื่องจากอุปทานมีมากประกอบกับปัจจัยด้านการแข่งขัน

ส่วนต่างราคาระหว่างข้าวอินเดียกับข้าวไทยสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2556 เมื่ออินเดียกลับสู่ตลาดโลกในปี 2554 หลังจากห้ามส่งออก อุปทานข้าวอินเดียจึงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ในเวลานั้นอุปทานข้าวไทยก็มีมากเนื่องจากโครงการของรัฐบาล แต่นโยบายเหล่านั้นช่วยพยุงราคาส่งออกให้สูงขึ้น ครั้นนโยบายถูกยกเลิกไป ราคาข้าวไทยกับอินเดียแข่งกันอย่างสูสี อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 2562 ราคาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แสดงถึงรูปแบบที่แตกต่างกันอันเกี่ยวข้องกับอุปทาน ราคาข้าวอินเดียยังคงต่ำเนื่องจากอุปทานมีสูงมาก คาดการณ์ปีนี้อินเดียผลิตข้าวได้เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน ยิ่งไปกว่านั้นแม้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นเนืื่องจากรัฐบาลแจกจ่ายข้าวที่รัฐบาลอุดหนุนไว้สูงมากไปยังประชากรส่วนใหญ่ แต่สต็อกข้าวอินเดียก็ยังสูงเป็นประวัติการณ์

ตรงข้ามกับราคาข้าวไทยที่สูงขึ้นผลพวงจากภัยแล้ง พื้นที่ปลูกข้าวลดลง ประกอบกับอุปทานที่มีน้อยลงด้วย ขณะที่คู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนามสั่งห้ามส่งออกข้าวในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา (กลับมาส่งออกตามปกติในเดือน พ.ค.) ราคาข้าวไทยจึงดีดรับทันที แม้ราคาลดลงบ้างแล้วจากที่เคยสูงสุดเมื่อไม่นานมานี้ แต่สต็อกข้าวไทยและแนวโน้มข้าวฤดูกาลใหม่ลดลงทำให้ราคาสูงต่อเนื่อง

ปัจจัยสำคัญอีกตัวหนึ่งคือการแข่งขันกันในตลาดเฉพาะ ทั้งสองประเทศต่างส่งออกข้าวหอม (ข้าวบาสมาตีของอินเดียและข้าวหอมมะลิของไทย) ข้าวนึ่ง และข้าวขาวปกติ ข้าวบาสมาตีของอินเดียแข่งขันเฉพาะกับปากีสถานเท่านั้น เทียบกับข้าวหอมมะลิไทยที่มีคู่แข่งมากกว่าทั้งข้าวเวียดนามและกัมพูชา

ส่วนข้าวนึ่งด้วยราคาที่แตกต่างกันมากกับไทย ข้าวนึ่งอินเดียจึงครองตลาดส่งออก ด้านข้าวขาวปกตินั้น การส่งออกไปยังตลาดแอฟริกากำลังเผชิญแรงกดดันจากจีนที่กำลังขยายการส่งออก

ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา สำนักงานเกษตรต่างประเทศ กระทรวงเกษตรสหรัฐ สรุปว่า การส่งออกข้าวไทยในปีหน้าคาดว่าจะตึงตัว แต่การส่งออกของอินเดียขยายตัวต่อเนื่อง

การส่งออกข้าวของเวียดนาม เว็บไซต์วีเอ็นเอกซ์เพรสรายงานอ้างข้อมูลจาก กระทรวงพัฒนาและแปรรูปสินค้าเกษตรเวียดนามเมื่อต้นเดือน ก.ย.ว่า 7 เดือนแรกของปีนี้ราคาข้าวเวียดนามส่งออกเฉลี่ยพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 487.2 ดอลลาร์ต่อตัน สูงสุดตั้งแต่ปี 2554 เพิ่มขึ้น 12.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายประเทศจำเป็นต้องซื้อข้าวเพิ่มมาเติมคลังข้าวสำรอง ดันให้ราคาสูงขึ้น

ราคาข้าวหัก 5% ของเวียดนามปัจจุบันอยู่ที่ตันละราว 480-490 ดอลลาร์ คาดว่าราคาจะสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงการเก็บเกี่ยวครั้งต่อไปในเดือนหน้า

ช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวเวียดนามมากที่สุด คิดเป็น 35.3% ของปริมาณการส่งออกข้าวเวียดนามทั้งหมด ส่วนตลาดที่ซื้อข้าวเวีดยนามเพิ่มขึ้น เช่น เซเนกัลซื้อเพิ่ม 19.8 เท่า อินโดนีเซียเพิ่ม 3.1 เท่า และจีนเพิ่ม 84%

ส่วน 8 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามส่งออกข้าว 4.5 ล้านตันมูลค่า 2.2 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562

รายงานข่าวกล่าวด้วยว่า เวียดนามเป็นประเทศส่งอออกข้าวรายใหญ่สุดอันดับ 3 รองจากอินเดียและไทย ปี 2562 ส่งออกข้าวมูลค่า 2.81 พันล้านดอลลาร์ ตลาดใหญ่ได้แก่ ฟิลิปปินส์ ไอวอรีโคสต์ จีน และมาเลเซีย

ด้านการผลิตข้าวทั่วโลกสภาธัญพืชนานาชาติคาดการณ์ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ไว้ที่ 504 ล้านตัน ค้าขาย 45 ล้านตัน บริโภค 500 ล้านตัน ประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน ไทย สหรัฐ เวียดนาม

ในปี 2563 นี้แม้ตลาดรับรู้แล้วว่า อินเดียจะส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่คาดว่าการค้าขายข้าวในตลาดโลกลดลงเป็นฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากประเทศแอฟริกาซื้อน้อยลง อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะไทยขายข้าวลดลงมากสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี

การบริโภคข้าวทั่วโลกในปี 2562/2563 คาดว่าขยายตัว ผลจากการบริโภคในอินเดียเพิ่มขึ้นสืบเนื่องจากมาตรการความมั่นคงด้านอาหารเกี่ยวข้องกับการระบาดของโควิด-19 ส่วนสต็อกข้าวทั่วโลกคงที่ในภาพรวมเนื่องจากสต็อกข้าวในประเทศผู้ส่งออกหลักและจีนเพิ่มขึ้น ชดเชยกับสต็อกที่ลดลงของประเทศนำเข้า

สำหรับการผลิตประจำปี 2563/2564 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 504 ล้านตัน ได้แรงหนุนจากราคาที่แข็งแกร่งและสภาพแวดล้อมโดยรวมเอื้ออำนวย การค้าข้าวจะฟื้นตัว 7% ในปี 2564 ผลจากความต้องการจากแอฟริกาแข็งแกร่งขึ้น