ผ่า 'แผนกรกฎ 52' ส่อง 4 ขั้น คุมม็อบ 19 ก.ย.

ผ่า 'แผนกรกฎ 52' ส่อง 4 ขั้น คุมม็อบ 19 ก.ย.

ดีเดย์ 19 ก.ย.2563 “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” จัดชุมนุมใหญ่ แม้ทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยจัดการชุมนุม แต่ “แกนนำ” มั่นใจว่าจะสามารถระดมพลเข้ายึดพื้นที่ มธ. ท่าพระจันทร์ เพื่อใช้เป็นฐานปฏิบัติการได้

ฟากฝั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม มอบภารกิจควบคุมฝูงชนให้ ตำรวจดูแล เน้นย้ำนโยบายไม่ใช้ความรุนแรง แต่ขีดเส้นให้การชุมนุมต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายเท่านั้น

โดย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตราผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) รับบทเจ้าภาพหลัก รับหน้าเสื่อดูแลความปลอดภัย ไม่ให้มือที่ 1 มือที่ 2 ปะทะกัน แถมยังต้องเฝ้าระวังมือที่ 3 ก่อเหตุสุมไฟ

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ยืนยันจะใช้ แผนกรกฎ 52” เข้าควบคุมฝูงชน-ควบคุมสถานการณ์การชุมนุม

สำหรับ แผนกรกฎ 52” ถอดบทเรียนมาจากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง เสื้อเหลือง-เสื้อแดง เมื่อปี 2551-2552 ในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยระบุขั้นตอนการจับกุมอย่างละเอียด เริ่มต้นที่การจับกุมด้วยมือเปล่า การใช้มือเปล่าล็อก หรือใช้กุญแจมือ การใช้คลื่นเสียงรบกวน และการใช้แก๊สน้ำตา

ทว่าหากใช้ “แก๊สน้ำตา” เพื่อควบคุมคุมสถานการณ์แล้ว แต่ยังไม่ได้ผล “แผนกรกฎ 52” ได้เพิ่มขั้นตอนในการใช้โล่ กระบอง กระสุนยาง และเครื่องช็อตไฟฟ้า ตามลำดับ

ทั้งนี้ตาม “แผนกรกฎ 52” การควบคุมสถานการณ์การชุมนุมจะต้องไม่ทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต และเจ้าหน้าที่ต้องประกาศให้ผู้ชุมนุมทราบล่วงหน้าก่อนว่าจะยกระดับการควบคุมการชุมนุมในระดับใด

โดย 4 ขั้นตอนหลักตาม แผนกรกฎ 52” ประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 1 ขั้นเตรียมการ มุ่งเน้นงานด้านการข่าว โดยประสานกับหน่วยงานด้านการข่าวทุกหน่วย เพื่อเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยจะจัดตั้งหน่วยหรือชุดเฉพาะกิจเพื่อสนับสนุนตามแผน เตรียมกำลังหน่วยต่างๆ ทั้งหน่วยปฏิบัติ หน่วยสนับสนุน ก่อนจะซักซ้อมการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ฝึกอบรมกำลังพล พร้อมจัดหาอุปกรณ์ เตรียมการด้านส่งกำลังบำรุง

นอกจากนี้ จะต้องเตรียมความพร้อมการเคลื่อนย้ายหน่วยกำลังพลเข้าปฏิบัติภารกิจและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เตรียมสถานที่ควบคุม สถานที่สอบสวน กรณีมีการจับกุมและควบคุมผู้ก่อความไม่สงบจำนวนมาก

ขณะเดียวกันจะดำเนินการด้านชุมชนและมวลชนสัมพันธ์ทุกรูปแบบให้เป็นธรรม และเตรียมปฏิบัติการด้านประชาสัมพันธ์และจิตวิทยาต่อประชาชน หรือ ปฏิบัติการด้านข่าวสาร หรือไอโอ จัดทำแผนปฏิบัติการเฉพาะกรณีเฉพาะพื้นที่ในการป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบทุกรูปแบบ

ขั้นตอนที่ 2 การเผชิญเหตุ ซึ่งในกรณีนี้คือการชุมนุม มอบหมายให้ตำรวจท้องที่จัดส่งกำลังเข้าดูแลความสงบเรียบร้อย หรือระงับเหตุ รักษากฎหมาย จัดระเบียบบริเวณที่เกิดเหตุและบริเวณโดยรอบ ด้วยการแยกพื้นที่เกิดเหตุออกจากพื้นที่ทั่วไป

โดยจะกันประชาชน(ที่ไม่เกี่ยวข้อง)ให้อยู่ห่าง ไม่ให้เข้าพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อความปลอดภัยและสะดวกต่อการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ รักษาความปลอดภัยสถานที่และบุคคลสำคัญ โดยเฉพาะเป้าหมายที่อยู่ใกล้สถานที่เกิดเหตุ จัดการจราจรบริเวณที่เกิดเหตุ และพื้นที่ต่อเนื่อง เพื่อให้กระทบต่อสาธารณชนน้อยที่สุด

ทั้งนี้จะใช้ศูนย์ปฏิบัติการ(ศปก.)ของกองบังคับการและกองบัญชาการ ในการติดตามควบคุมสั่งการ รวมทั้งจัดเก็บภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวในเหตุการณ์ เพื่อใช้ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและการดำเนินคดีอาญา พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ทราบข้อเท็จจริงของสถานการณ์และการกระทำ ว่าผิดตามกฎหมายใด มีอัตราโทษอย่างไร

ในกรณีที่ยังไม่สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ทันทีหรือเป็นการละเมิด เป็นการสร้างความเดือดร้อนแก่สาธารณชน สังคม ให้ใช้มาตรการตามกฎหมายโดยร้องขอต่อศาล ให้ผู้ก่อความไม่สงบหรือผู้มารวมตัว ยุติการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่น

ขั้นตอนที่ 3 เมื่อสถานการณ์วิกฤติ และจำเป็นต้องใช้กำลังเข้าคลี่คลายสถานการณ์ เมื่อการเจรจาต่อรองหรือปฏิบัติการอื่นใดไม่เป็นผล สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นจนถึงขั้นจะเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และของทางราชการ ให้ผู้บัญชาการเหตุการณ์พิจารณาสั่งใช้กำลังเข้าแก้ไขสถานการณ์ และรายงานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ ผ่าน ศปก.ตร.ทันที

กรณีความไม่สงบจากการชุมนุมเรียกร้อง เมื่อเกิดการละเมิดกฎหมายและอาจนำไปสู่ความรุนแรงนอกเขตกรุงเทพมหานคร ให้ผู้บัญชาการเหตุการณ์ประสานปรึกษากับผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ได้รับมอบหมายก่อนสั่งใช้กำลังเพื่อเข้ายับยั้งหรือคลี่คลายสถานการณ์

สำหรับกรณีการชุมนุมเรียกร้องหากมีการกระทำผิดกฎหมายชัดเจน และผลการกระทำอาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง หรือผู้กระทำผิดอาจหลบหนีไปก่อน ให้ผู้บัญชาการเหตุการณ์พิจารณาดำเนินการตามความจำเป็นเร่งด่วน แล้วรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับบัญชาทราบ

ในกรณีที่ต้องยับยั้งวิกฤติ ควบคุมสถานการณ์ชุมนุม ดำเนินการตาม กฎการใช้กำลัง ดังนี้ 1.การแสดงกำลังของตำรวจ 2.การใช้คำสั่งเตือน 3.การใช้มือเปล่าจับกุม 4.การใช้มือเปล่าจับล็อกบังคับ 5.การใช้เครื่องพันธนาการ ปืนยิงตาข่าย

6.การใช้คลื่นเสียง 7.การใช้น้ำฉีด 8.อุปกรณ์เคมี เช่น แก๊สน้ำตา สเปรย์พริกไทย 9.กระบองหรืออุปกรณ์ที่ใช้ตี และ10.อาวุธที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น กระสุนยาง และอุปกรณ์ช็อตไฟฟ้า

ซึ่งหากยังไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ ให้เสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่าน ศปก.ตร.เพื่อเสนอรัฐบาลใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และมอบหมายให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายดังกล่าวเข้ารับผิดชอบ

หรือพิจารณาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯเฉพาะพื้นที่ เพื่อเพิ่มอำนาจในการปฏิบัติตามกฎหมายให้แก่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ หรือประกาศกฎอัยการศึกเพื่อปราบปรามขั้นเด็ดขาด ซึ่งการปฏิบัติการขั้นนี้ฝ่ายทหารจะเป็นผู้รับผิดชอบสั่งการ

ขั้นตอนที่ 4 การฟื้นฟู เมื่อสถานการณ์คลี่คลายสู่สภาวะปกติ ให้ดำเนินการสอบสวน ดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิด จัดหน่วยทำหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของผู้ปฏิบัติงาน สนับสนุนส่วนราชการที่มีหน้าที่ฟื้นฟู บูรณะทรัพย์สินของทางราชการ เมื่อได้รับการร้องขอ

ทั้งหมดคือรายละเอียดของ แผนกรกฎ 52” ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลจะใช้ควบคุมการชุมนุม 19 ก.ย.2563 นี้ ส่วนจะได้ใช้ถึงขั้นตอนไหน ต้องไปลุ้นสถานการณ์หน้างาน!