'พิชัย' จวก 'ประยุทธ์' เผด็จการรัฐสภาคือเผด็จการที่ตั้ง 250 ส.ว.

'พิชัย' จวก 'ประยุทธ์' เผด็จการรัฐสภาคือเผด็จการที่ตั้ง 250 ส.ว.

"พิชัย" สวน "ประยุทธ์" เผด็จการรัฐสภาคือเผด็จการที่ตั้ง ส.ว. เอง 250 คน ห่วงต้องกลับคำว่าไม่หนีคดี ชี้ คนรังเกียจเผด็จการไม่ได้รังเกียจทหารอาชีพ แนะ "สุพัฒนพงษ์" แก้ไขอย่าแก้ตัว และ อย่าแจกไฟฟ้าชุมชนเฉพาะหัวคะแนนพรรค พปชร.

เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 63 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตามที่สภาฯ ได้เปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ถูกอภิปรายอย่างกว้างขวางถึงความล้มเหลวในการบริหารประเทศโดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจที่ผ่านมา 6 ปี โดยเป็นผลมาจากการเป็นรัฐบาลเผด็จการและยังมีการสืบทอดอำนาจกันมาจนถึงปัจจุบัน โดย ส.ส. ฝ่ายค้านจำนวนมากได้เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก แต่แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะหาทางอธิบายแก้ข้อกล่าวหา กลับพูดถึงเรื่องเผด็จการรัฐสภา ยิ่งเป็นการตอกย้ำระบบเผด็จการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ เอง เพราะปัจจุบันในสภามีสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากแต่งตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ ให้เข้ามาเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เองเป็นนายกฯ 250 คน ซึ่งตอกย้ำเผด็จการรัฐสภาอย่างแท้จริง เพราะถ้าหากไม่มี 250 ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้งและโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่มีทางได้เป็นนายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจต่อได้เลย เพราะพรรค พปชร. ที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ มีจำนวน ส.ส. น้อยกว่าพรรคเพื่อไทย ดังนั้นจึงไม่เข้าใจว่าทำไม พล.อ.ประยุทธ์ ถึงได้ตำหนิการกระทำของตัวเอง

พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะเข้าใจผิดคิดว่า ในอดีตพรรคการเมืองที่ชนะเสียงข้างมากในสภาเป็นเผด็จการรัฐสภา ทั้งที่เป็นเสียงของประชาขนโหวตให้ชนะการเลือกตั้งเข้ามา และต้องใช้เสียงส่วนมากในการบริหารประเทศและสภาก็มีอายุตามเทอม 4 ปีก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ ถ้าทำไม่ดีประชาชนก็จะไม่เลือกกลับมา ซึ่งเป็นระบอบประชาธิปไตยที่ใช้กันทั่วโลก ในขณะที่เผด็จการแบบ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น เข้ามาโดยการทำรัฐประหาร ประชาชนไม่ได้เลือก อยู่มา 5 ปีกว่าถึงจัดให้มีการเลือกตั้ง โดยมีการเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจโดยมีวุฒิสภาจากการแต่งตั้ง 250 คน โหวตเลือกนายกฯ ซึ่งเป็นเผด็จการรัฐสภาอย่างแท้จริง และนักศึกษา ประชาชน รวมถึงพรรคฝ่ายค้านกำลังหาทางแก้รัฐธรรมนูญในเรื่องนี้ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ รังเกียจเผด็จการรัฐสภาจริงก็ต้องยกเลิก สว. ไม่ให้โหวตนายกฯ และยกเลิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งนี้ไปเลย

นอกจากนี้ การที่ประชาชนรังเกียจรัฐประหาร รังเกียจเผด็จการ รังเกียจการคุกคามประชาชน และไม่อยากให้ซื้อเรือดำน้ำในเวลาที่ประชาชนเดือดร้อนกันอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับเรียกร้องให้อย่ารังเกียจทหาร ซึ่งเป็นคนละเรื่องกันเลย เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นอย่างน่าเกลียด เพราะคงไม่มีใครรังเกียจทหารอาชีพที่ทำหน้าที่ปกป้องประเทศ ไม่ใช่เป็นทหารที่ทำรัฐประหารเข้ามาแล้วบริหารทำประเทศเสื่อมถอยที่คนกำลังรังเกียจกัน ซึ่งไม่ต่างอะไรกับเวลาที่ นักศึกษา นักเรียน และประชาชน จำนวนมากออกมาชุมนุมต่อต้านและขับไล่รัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ แต่กลับถูกหาว่าเป็นพวกชังชาติ ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่ชาติ จึงไม่อยากให้ใช้วิธีการแย่ๆ แบบตรรกะวิบัตินี้ในการตอบโต้คนที่เห็นต่างที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้ จากที่ได้ฟัง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตอบการอภิปรายในสภาครั้งแรก รู้สึกผิดหวังอย่างมาก เหมือนกับอยู่คนละประเทศ พูดเหมือนทุกอย่างดีหมด ทั้งที่เศรษฐกิจไทยมีปัญหาอย่างมาก จริงอยู่สถานะทางเศรษฐกิจของไทยยังมั่นคงเพราะประเทศไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศในระดับที่สูง แต่ปัญหาหลักคือเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำมากมาตลอด 6 ปี ตั้งแต่มีการทำรัฐประหาร พอมาเจอวิกฤตโควิด ไทยกลับยิ่งทรุดหนักที่สุดในเอเชีย และยิ่งเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้ว ทำให้เศรษฐกิจไทยแทบไม่ขยายตัวเลยตลอด 6 ปีที่ผ่านมา จะไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่นที่เขาขยายตัวสูงมาตลอดหลายปีไม่ได้ และเทียบไม่ได้เลยกับประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะประเทศสิงคโปร์ เพราะรายได้ต่อหัวต่อคนของคนสิงคโปร์สูงกว่าคนไทยประมาณ 8 เท่า มาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชนชาวสิงคโปร์ดีกว่าของไทยมาก ไม่ได้เดือดร้อนเท่าประชาชนไทย อีกทั้งไทยยังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 3-4 ปีกว่าจะกลับมาฟื้นกลับมาเท่าที่เดิม ซึ่งจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันอย่างมาก นอกจากนี้ การขายฝันว่าจะสร้างงาน 1 ล้านตำแหน่ง โดยเริ่มจากมาตรการการสนับสนุนค่าจ้างครึ่งหนึ่งให้กับการจ้างงาน 260,000 คน สำหรับนักศึกษาจบใหม่ อยากถามว่าจะจ้างไปใช้ในการผลิตสินค้าและให้บริการประเภทไหนในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ไม่อยากให้พูดเพื่อสร้างความหวังโดยไม่สามารถจะทำได้จริง เพราะตลอด 6 ปียังไม่เคยทำได้เลย

ในเรื่องพลังงาน การออกใบอนุญาตให้โรงไฟฟ้าชุมชน ก็อยากให้พิจารณาให้ดี อย่าได้เอื้อประโยชน์ให้เฉพาะกับกลุ่มหัวคะแนนของพรรคพลังประชารัฐ ตามที่มีข่าวตั้งแต่สมัยรัฐมนตรีคนที่แล้วที่จะใช้โรงไฟฟ้าชุมชนนี้เหมือนเป็นการซื้อเสียงให้กับฐานเสียงของพรรค ซึ่งหาก ป.ป.ช. ตรวจพบอาจถูกดำเนินคดีได้ นอกจากนี้ การจะยกเลิก แก๊สโซฮอล์ 91และ 95 ที่มีส่วนผสมเอทานอล 10% เพื่อไปใช้ E20 ที่มีส่วนผสมของเอทานอล 20% อย่างเดียวไม่น่าจะแนวทางที่ถูกต้อง และอาจจะเป็นการเอื้อประโยชน์นายทุนผู้ผลิตเอทานอล ตามที่ได้เคยทักท้วงไว้แล้ว ทั้งนี้เพราะราคาเอทานอลสูงกว่าราคาเนื้อน้ำมันที่กลั่นแล้วหลายเท่า ซึ่งจะทำให้ต้นทุนและราคาของน้ำมันแพงขึ้นไปอีก เป็นการเพิ่มภาระให้กับประชาชนมากขึ้น อีกทั้งยังควรที่จะเจรจาต่อรองราคาเอทานอลให้ลดลง เพราะราคาเอทานอลของไทยสูงกว่าราคาในตลาดโลกมาก

ปัญหาทางเศรษฐกิจจะเพิ่มมากขึ้นอีกเรื่อยๆ และจะทำให้ประชาชนลำบากเพิ่มขึ้นอีกมากจนจะทนกันไม่ไหว ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจและทีมเศรษฐกิจยังคงสับสนและพยายามจะหลอกประชาชนและหลอกตัวเองไปวันๆโดยไม่มีแนวทางที่จะแก้ไขได้อย่างชัดเจน จะไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อนอย่างหนักได้ ซึ่งหากรู้ตัวว่าไม่ไหว พล.อ.ประยุทธ์ ก็ควรจะลาออกไปตามคำเรียกร้องของฝ่ายค้าน นักศึกษา และประชาชนจำนวนมาก อย่าทำให้ประเทศเสียหายไปกว่านี้ และไม่ต้องรอให้นักศึกษาและประชาชนออกมาไล่มากขึ้นกว่านี้ไปอีก เพราะที่บอกว่าจะไม่หนีคดี แต่สุดท้ายอาจจะต้องกลับคำ ถ้าหากมีคนเจ็บคนตายจากการชุมนุมเหมือนในอดีต เพราะครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งที่แล้วอย่างแน่นอน