กมธ.งบประมาณฯ ถกปมซื้อ 'เรือดำน้ำ' 26 ส.ค. นี้ 'ฝ่ายค้าน' ยืนยันพร้อมคว่ำ

กมธ.งบประมาณฯ ถกปมซื้อ 'เรือดำน้ำ' 26 ส.ค. นี้ 'ฝ่ายค้าน' ยืนยันพร้อมคว่ำ

"วัฒนา" เผย 26 ส.ค.นี้ กมธ.งบประมาณฯ ถกปมซื้อ "เรือดำน้ำ" ระบุ ฝ่ายค้านส่งสัญญาณไม่เห็นชอบชัดเจน ส่วนประชาธิปัตย์ขอมติพรรคอีกครั้ง

เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 63 นายวัฒนา เมืองสุข รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 สัดส่วนพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ในวันที่ 26 ส.ค.ที่จะมีพิจารณางบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า เนื่องจากเสียงฝ่ายค้านที่อยู่ในคณะอนุกรรมาธิการฯ มีความเป็นเอกภาพ โหวตไปในทิศทางเดียวกันว่าไม่เห็นชอบการของบประมาณกองทัพเรือ 22,500 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ ฝ่ายค้านคงไม่จำเป็นต้องพูดคุยกัน เพราะมีการส่งสัญญาณมาชัดแล้ว โดยกรรมาธิการซีกฝ่ายค้านในคณะกรรมาธิการชุดใหญ่ จะลงมติตามคณะอนุกรรมาธิการฝ่ายค้าน

"คงต้องมีการอภิปรายในห้องประชุม เพื่อให้เห็นว่าสถานะของประเทศขณะนี้ มีความจำเป็นต้องใช้เม็ดเงินทุกบาททุกสตางค์ เพื่อทำให้เกิดผลิตภาพ การนำเงิน 2 หมื่นกว่าล้านไปซื้ออะไรก็แล้วแต่ที่ไม่มีผลผลิต ไม่ก่อให้เกิดรายได้กับประชาชน ซึ่งสิ่งที่ฝ่ายค้านคิด ไม่ได้จะบอกว่าไม่เห็นด้วยที่จะให้ทหารเรือมีเรือดำน้ำ เพียงแต่มองว่ายังไม่ควรซื้อในวันนี้ ควรจะขยายเวลาออกไปอีก เพื่อให้ประเทศมีความพร้อมมากกว่านี้ อยากให้รัฐบาลตระหนักว่า เงินที่จะเอามาให้กองทัพเรือใช้ คือเงินภาษีของประชาชน ซึ่งกองทัพเรือเข้าใจผิดว่าเป็นเงินของกระทรวงกลาโหม เพราะฉะนั้นผู้แทนราษฎรหรือกรรมาธิการทุกคน ที่พิจารณาการใช้จ่ายเงินของประชาชน ก็ควรจะตระหนักว่า การใช้จ่ายเงินเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และขอให้ดูตามความจำเป็น"

เมื่อถามถึง แนวโน้มความเป็นไปได้ว่างบประมาณซื้อเรือดำน้ำจะถูกถอนออกไปหรือไม่ นายวัฒนา กล่าวว่า อยู่ที่สำนึกของแต่ละหน่วยงานที่ใช้เงินว่าจะมีสำนึกหรือไม่ ซึ่งทหารทำความเสียหายให้ประเทศมาก ทั้งยึดอำนาจ และวันนี้ก็ยังจะมาขอเงินงบประมาณไปสร้างความเกรียงไกรให้กองทัพ โดยไม่เกรงใจประชาชน ถ้ามีสำนึกว่ามีหน้าที่รับใช้ประชาชนก็ควรทำในสิ่งที่ประชาชนเห็นว่าควร ซึ่งภาวะปัญหาทางเศรษฐกิจครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่เป็นภาวะที่เกิดขึ้นโดยความจำเป็นจริงๆ ฐานะทางการคลังเปราะบาง หนี้สาธารณะจะขึ้นไปชนเพดานถึงร้อยละ 60 ดังนั้นในภาวะวันนี้ไม่ควรใช้จ่ายเงินอะไรก็แล้วแต่ที่ไม่ก่อให้เกิดการผลิต เงินที่ใช้จ่ายควรทำให้ประชาชนเข้มแข็ง รัฐบาลควรนำเงินทุกบาททุกสตางค์มาติดอาวุธให้ประชาชนไม่ใช่มาติดอาวุธให้กองทัพ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ที่สำนึก แต่ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นคนในกองทัพมีสำนึก เพราะคนเหล่านี้คิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายประชาชน แล้ววันหนึ่งก็จะรู้

ด้าน นายชัยชนะ เดชเดโช รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 กล่าวถึงการพิจารณางบจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ 22,500 ล้านบาท ของกองทัพเรือ ว่า แม้พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ก็เคยประกาศไว้ชัดเจนแล้วว่าหากเรื่องใดจะไม่เห็นด้วย ก็ต้องใช้มติพรรคพิจารณาในเรื่องที่สำคัญและเป็นเรื่องหลัก โดยกรรมาธิการสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์มีการหารือกันเบื้องต้นแล้ว และจะนำผลการหารือเข้าสู่ที่ประชุมส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ภายในวันนี้ โดยจะแจ้งความคืบหน้าหลังการประชุมพรรคเสร็จสิ้น

“ยืนยันว่าจุดยืนที่จะออกมา จะเป็นจุดยืนที่ดีให้กับประชาชน และเป็นคำตอบที่ดีให้กับประเทศชาติ” นายชัยชนะ กล่าว

นายชัยชนะ กล่าวว่า การพิจารณางบจัดซื้อเรือดำน้ำ แม้จะจบในชั้นคณะอนุกรรมาธิการแล้ว แต่เมื่อเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจก็ต้องรอมติจากพรรค ที่จะออกมาอย่างแน่นอน

ทั้งนี้มีรายงานว่า ผลการหารือของคณะกรรมาธิการซีกพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมลงมติไม่เห็นชอบการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ 22,500 ล้านบาท และเตรียมขอมติพรรคเพื่อรับรองต่อไป