CKP - ถือ

CKP - ถือ

ผลประกอบการ 2Q63: ดีเกินคาดอย่างมาก

Event

CKP ขาดทุนสุทธิ 95 ล้านบาทใน 2Q20 (-213.3% YoY, +72.1% QoQ) ซึ่งดีกว่าที่เราคาดไว้ว่าจะขาดทุนถึง 329 ล้านบาท และดีกว่า Bloomberg consensus ที่คาดว่าจะขาดทุน 201 ล้านบาท เพราะส่วนแบ่งกำไร จาก XPCL ดีเกินคาด

lmpact

ผลประกอบการ 2Q63 แย่ลง YoY แต่ดีขึ้น QoQ

ผลประกอบการแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ YoY เนื่องจาก i) ปริมาณการจ่ายไฟฟ้าของโครงการ NN2 ลดลง เนื่องจากกระแสน้ำเข้าเขื่อนต่ำ และมีการประกาศว่าปี 2563 เป็นปีที่ประสบภัยแล้ง ในขณะที่ผลประกอบการที่ดีขึ้น QoQ เป็นเพราะรายได้ equity income เพิ่มขึ้นเนื่องจากส่วนแบ่งผลขาดทุนจาก XPCL ลดลงเพราะกระแสน้ำในแม่น้ำโขงสูงขึ้น รายได้รวมอยู่ที่ 1.67 พันล้านบาท (-21.9% YoY,+4.7% QoQ) เนื่องจากปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่ NN2 ประกาศไว้ต่ำที่ 209 GWh (-55.8% YoY, +5.0%QoQ) ในขณะที่รายได้ Equity income ยังคงติดลบอยู่ที่ 88 ล้านบาทดีขึ้นจาก -329 ล้านบาท สัดส่วน SG&A/ยอดขายลดลงมาอยู่ที่ 6.1% จาก 6.6% ใน 1Q63 เนื่องจากคุมต้นทุนได้ดีในช่วงที่ COVID-19 ระบาด

กำไรจากธุรกิจหลกัใน 3Q63 จะเป็นจุดสูงสุดของปี 2563 และพลิกฟื้นจากที่ขาดทุนใน 1H63

เราคาดว่า CKP จะพลิกมามีกำไรจากธุรกิจหลักได้ใน 3Q63 จากที่ขาดทุนใน 1H63 เนื่องจาก capacity factor ของ XPCL และ NN2 เพิ่มขึ้นตามโมเดล ENSO ของ Australian Bureau of Meteorology ที่บ่งชี้ว่ามีโอกาสจะเกิดปรากฏการณ์ La Niña ในช่วงเดือนสิงหาคม-ธันวาคม 2563

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ถือ โดยให้ราคาเป้าหมาย DCF 1H64 ที่ 4.60 บาท เราเชื่อว่าราคาหุ้นได้สะท้อนถึงการฟื้นตัวของกำไร และปัจจัยกระตุ้นด้านบวกจากความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบางไปเรียบร้อยแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าโครงการใหม่ยังต้องใช้เวลาในการพัฒนาอีกนาน โดยการ
เจรจาสัญญา PPA และก่อสร้างจะต้องใช้เวลาอีกถึง 8-10 ปีกว่าจะถึงกำหนด COD

Risks

ความล่าช้าในการจัดสรรกำลังการผลิตใหม่ การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของทางการ โรงไฟฟ้ าหยุดผลิต
ไฟฟ้ า ความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการใหม่ และภาวะภัยแล้ง