ชงวาระชาติ "ลดความรุนแรงในสังคม"

ชงวาระชาติ "ลดความรุนแรงในสังคม"

"อนุทิน"ลั่นจัดการถึงที่สุดคนก่อเหตุรุนแรงในรพ. อัยการย้ำเจอโทษหนัก ทำผิดซ้ำโดน 3 เด้ง พ่อแม่ถูกจำคุก 3 เดือนไม่รอลงอาญา นักแสดงชงรัฐกำหนกวาระแห่งชาติ "แก้ความรุนแรงในสังคม"

เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่อาคารสภาวิชาชีพ มีการเสวนา “แนวทางแก้ไขปัญหาความรุนแรงในห้องฉุกเฉินสถานพยาบาล” จัดโดยกระทรวงสาธารณสุข แพทยสภา และสภาการพยาบาล มีอัยการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และบุคลากรสาธารณสุข ร่วมรับฟัง


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวในการประกาศนโยบายและทิศทางการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสถานพยาบาลว่า เมื่อมีเหตุการณ์คนเข้ามาสร้างความรุนแรงในรพ.เกิดขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ผู้บริหารรพ.นั้นๆ ต้องหามาตรการ การบริหารจัดการ มีวิธีการป้องกัน สร้างความเข้าใจ และประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ส่วนตัวแล้วไม่ยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปได้ ไม่มีการยอมความ เรื่องนี้ต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาด ไม่ลดราวาศอก ดำเนินคดีจนถึงที่สุดให้เป็นตัวอย่าง ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ หรือหากเกิดขึ้นก็อยู่ในวิถีที่ควบคุมได้ และหาวิธีป้องกันความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างเต็มที่ ตราบใดที่กระทรวงสาธารณสุขยังต้องเผชิญปัญหานี้อยู่ ขอให้มั่นใจว่าเราจะดำเนินการเอาผิดอย่างเข้มข้น ไม่มีการยอมความ

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ปี 2562 มีการวิเคราะห์ข้อมูล มาตรการ โดยผู้บริหารให้ความสำคัญ ดูแล สอดส่องความเรียบร้อย ปรับปรุงมาตรฐานห้องฉุกเฉินตามมาตรการที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กำหนด การแยกส่งผู้ป่วย และประสานการทำงานใกล้ชิดกับตำรวจ อัยการ การเพิ่มเวรยาม การกั้นไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้ามา โดยเฉพาะคนเมา รวมถึงเพิ่มงบประมาณ ซึ่งที่ผ่านมา เมื่อเกิดเหตุจุดำเนินคดีทุกราย ทั้งอาญา แพ่ง การเสียทรัพย์ การทำร้ายร่างกาย ไม่มีละเว้น และต้องรายงานทุกเรื่องให้ผู้บริหารกระทรวงรับทราบ


ด้ายนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ปัจจุบัน คดีบุกรุกรพ. ตีกันในรพ. ทำทรัพย์สินเสียหาย ทำร้ายบุคลากรทางการแพทย์ ทางอัยการจะบรรยายในสำนวนคดีส่งต่อศาลว่าเป็นพฤติกรรมท้าทาย ไม่เคารพ ไม่เกรงกลัวกฎหมายขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก พร้อมส่งมอบหลักฐานภาพถ่ายและคลิปวิดีโอ เพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจในการลงโทษ ซึ่งโทษมีตั้งแต่จำคุก 6 เดือน ถึง 10 ปี เมื่ออัยการเขียนว่าขอให้ลงโทษสถานหนักก็จะมีการลงโทษในขั้นสูง นอกจากนี้ ตามกฎหมายจะมีโทษเกี่ยวกับการทำผิดซ้ำด้วย ดังนั้น หากผู้ก่อเหตุเคยกระทำผิดมาก่อน อัยการก็จะสั่งฟ้องขอให้มีการเพิ่มโทษ 3 เด้ง คือ โทษที่กระทำครั้งล่าสุด โทษที่เคยทำผิดไว้และอยู่ระหว่างรอลงอาญา และโทษที่ไม่เข็ดหลาบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ ศาล พิจารณาไปในทางเดียวกันว่าการก่อความรุนแรงในรพ.เป็นพฤติกรรมท้าทายกฎหมาย ไม่ยำเกรงกฎหมายจึงลงโทษสถานหนัก

" ในกรณีที่ผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน ซึ่งปกติการลงโทษจะส่งไปควบคุมพฤติกรรมที่สถานพินิจ ตรงนี้ก็อาจจะส่งไปบำเพ็ญประโยชน์สาธารณะในรพ.ตำรวจ หรือรพ.ทหาร เพื่อช่วยเหลือภารถงานของรพ.คู่กับการควบคุมความประพฤติด้วย ขณะที่ผู้ปกครองก็ต้องรับผิดด้วย ทั้งละเมิดและอาญาเพราะไม่มีควบคุม ปล่อยปละละเลยบุตร และถ้าเป็นการทำผิดซ้ำ พ่อแม่จะถูกจำคุก 3 เดือนไม่รอลงอาญา หลังจากที่มีวลีที่มักใช้กับทุกกรณีที่เยาวชนเป็นผู้ก่อเหตุคือลูกฉันเป็นคนดี ขอให้หยุดเพราะถ้าดีจริง ต้องรู้จักแยกตัวออกจากสิ่งไม่ดี"นายโกศลวัฒน์กล่าว

นายเมทนี บูรณศิริ หรือ นีโน่ ดารานักแสดงชื่อดัง กล่าวว่า การตีกันในรพ.ลึกๆ เป็นการสะท้อนการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาของคนไทย ซึ่งสำคัญมากในสังคม ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะสถานพยาบาลเท่านั้น แต่เกิดขึ้นทุกๆ ที่ คิดว่าต้นเหตุคือความยับยั้งชั่งใจ คุณธรรมขาดหายไปไหนจากสังคมไทย วันนี้สังคมไทยเป็นแบบทุนนิยม เน้นวัตถุมากกว่าจิตใจ แม้จะเป็นเมืองพุทธ แต่ความละอายและเกรงกลัวต่อบาปหายไปไหน ในอดีตประชาชนจะมองบุคลากรทางการแพทย์เป็นผู้ที่ให้การช่วยเหลือ คือพ่อพระ แม่พระ ช่วยชีวิตคน แต่คนที่เข้าไปทำร้ายบุคลากรทางการแพทย์นั้นคิดอะไรอยู่ คนตายไปแล้ว แพทย์ไม่สามารถกู้ชีวิตได้ แล้วไปทำร้ายแพทย์ทำไม จึงคิดว่าการแก้ไขความรุนแรงในสังคมต้องถูกผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ และการปลูกฝังจริยธรรม คุณธรรมให้เยาวชนจะพูดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำจริงๆ ด้วย