แกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน

แกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน

ดัชนีวานนี้ปิดลดลง 6.54 จุด และแกว่งในกรอบแคบตลอดช่วงการซื้อขาย คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่

จากความกังวลข้อพิพาทระหว่างสหรัฐ-จีน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,347.86 จุด (-6.45 จุด) Volume 4.8 หมื่นลบ. ต่างชาติ -1,979.30 ลบ. TFEX Net +2,039 สัญญา ตราสารหนี้ +1,400 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ ECB มีมติคงดอกเบี้ย และคงวงเงินซื้อพันธบัตรตามคาด

+เฟดฟิลาเดลเฟียเผยดัชนีภาวะธุรกิจมิด-แอตแลนติกสูงกว่าคาดในเดือนก.ค.

+สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านพุ่งแตะระดับก่อนโควิดระบาด

+สหรัฐเผยยอดค้าปลีกเพิ่มมากกว่าคาดในเดือนมิ.ย.

+ศบค.ยันเดินหน้า Medical Tourism เริ่มเร็วสุดปลาย ก.ค.โดยจะเพิ่มความเข้มงวด

+การตรวจสอบการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของกลุ่มเสี่ยงที่ระยอง-กทม.ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ แต่ยังต้องรอให้ครบ 14 วัน

 -ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 135.39 จุด -0.50% หลังสหรัฐเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่สูงเกินคาด ประกอบกับการเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทบางแห่ง และข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลายลง

-สหรัฐเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจทรุดหนักเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ค.

-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 45 เซนต์ -1.1% ปิดที่ 40.75 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกลุ่มโอเปกและโอเปกพลัส มีมติปรับลดกำลังการผลิตเพียง 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่ปรับลด 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน

-สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนเพิ่มขึ้นหลังรัฐบาลสหรัฐจำกัดการออกวีซ่าให้พนักงานบริษัทด้านเทคโนโลยีของจีน อาทิ บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ โดยอ้างเหตุผลว่ามีส่วนสนับสนุนรัฐบาลจีนละเมิดสิทธิมนุษยชน

-ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดร่วงลง 151.20 จุด -4.50%

-ดัชนีนิกเกอิปิดลดลง 175.14 จุด -0.76% เช้าเปิด +37.21 จุด

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 2.2 แสนลบ. ค่าเงินบาท 31.70 บาท/US

*จับตาสหรัฐเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมิ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ค. การประชุมของผู้นำ 27 ชาติสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อลงมติจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโรในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาด นักลงทุนยังคงติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศอย่างใกล้ชิด และจับตาการปรับครม.หลัง สี่กุมาร ลาออกจากรัฐมนตรี คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,340-1,365 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

BIZ ลงทุนระยะยาว ราคาเหมาะสม 4.89 บาท

  • คาดกำไร 2Q63 อยู่ที่ราว 4.4 ลบ. -58%QoQ และ -82%YoY ซึ่งคาดว่าจะต่ำสุดในปีนี้เนื่องจากไม่มีการส่งมอบเครื่องฉายรังสีอย่างไรก็ตามเราคาดกำไรปี 63 จะทำจุดสูงสุดใหม่ราว 89 ลบ. +10%YoY โดยได้แรงหนุนจากการส่งมอบงานใหญ่ให้โรงพยาบาลจุฬาฯ มูลค่าราว 1 พันล้านบาทใน 4Q63
  • อุตสาหกรรมขายเครื่องฉายรังสียังมีโอกาสในการเติบโต เนื่องจากจำนวนเครื่องฉายรังสีทั้งหมดที่ควรมีภายในประเทศไทยจะอยู่ที่ราว 150 เครื่องเพื่อให้เพียงพอต่อการรักษาโรงมะเร็ง ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเครื่องฉายรังสีทั้งหมดเพียง 82 เครื่องทำให้มีโอกาสเติบโตอีก 68 เครื่อง
  • เราประเมินมูลค่าด้วยวิธี SOTP โดยได้ราคาเหมาสมะธุรกิจติดตั้งเครื่องฉายรังสี 2.80 บาท (อิง P/E ratio 7 เท่าซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี) และประเมินราคาเหมาะสมโรงพยาบาลมะเร็งอีก 2.09 บาท (อ้างอิงราคาเหมาะสมเมื่อถึงจุดคุ้มทุนและคิดลดกลับมาเป็นมูลค่าปัจจุบัน) ได้ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นจาก 3.1 บาทเป็น 4.89 บาท และคาดหวัง Yield ที่ 4.3% ในปี 63 พร้อมปรับคำแนะนำจาก ถือเป็น ซื้อ

 

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากแพ็กเกจ “เราเที่ยวด้วยกัน” (ERW CENTEL BA ASAP)
  • หุ้น Defensive Stock (ADVANC INTUCH DIF TTW BEM BTS CHG BCH)
  • หุ้นที่คาดผลประกอบการ 2Q20 ดี (WICE TASCO CPF)

หุ้นมีข่าว   

(+) “กกพ.เดินหน้าประกาศรับซื้อไฟฟ้าขยะชุมชน 400 เมกะวัตต์ภายในปีนี้ จับตา 6 หุ้นโรงไฟฟ้า “ACE-SUPER-PSTC-BWG-TPCH-STPI” ร่วมชิงเค้ก! นอกจากนี้ กกพ.ประกาศลดค่าเอฟทีงวดก.ย.ธ.ค.63 เหลือ -12.43 สตางค์ต่อหน่วย สะท้อนต้นทุนราคาเชื้อเพลิงขาลงช่วงโควิด-19 ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย 3.63 บาทต่อหน่วย (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) TIP (Bloomberg Consensus - บาท)  ไล่เก็บหุ้น TIP หลังบอร์ดทิพยประกันภัย (TIP) ไฟเขียวปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นตั้งเป็นโฮลดิ้งส์ขยายกิจการ ภายใต้ชื่อ ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์เพิ่มทุน ก่อนแลกหุ้น 1 หุ้นเก่าต่อ 1 หุ้นใหม่ในเดือนม.ค. 64  และเพิกถอน TIP พ้นตลาดฯ ขณะที่โบรกฯ มองงบไตรมาส 2 ยังสวย (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) MINT (Bloomberg Consensus 20.09 บาท)  ยื่นฟ้อง แมริออทต่อศาลไทย เรียกค่าเสียหาย 570.60 ล้านบาท ข้อหากระทำการที่ไม่สุจริต และได้ทำการละเมิดภายใต้กฎหมายไทยอย่างร้ายแรงหลายครั้ง รวมทั้งเปิดเผยข้อมูลให้คู่แข่งรายอื่น(ที่มา ข่าวหุ้น)

(+/-) AOT (Bloomberg Consensus 59.74 บาท) กรรมการพิจารณารายได้ AOT ไฟเขียว AAV ย้ายฐานปฏิบัติการบางส่วนมาสุวรรณภูมิ นิตินัยเตรียงชงบอร์ดรับทราบวันที่ 29 ก.ค.นี้ ระยะแรกให้บริการก่อน 24 ไฟลต์ในประเทศ ก่อนขยายสู่เส้นทางต่างประเทศภายในปีนี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) ILINK (Bloomberg Consensus 3.90 บาท)  โดดรับเทรนด์สื่อบูม หนุนครึ่งแรกฟอร์มอลังการ ด้านบิ๊ก "สมบัติ อนันตรัมพร" จัดทัพชิงงานใหม่ 1 พันล้านบาท เติม Backlog เพิ่มจากเดิมราว 1.4 พันล้านบาท รับรู้ยาวถึงปีหน้า แถมลุ้นเซ็นงานเกาะปันหยีไตรมาส 3/2563 นี้ ส่วนปีนี้การันตีรายได้ตามฝัน 5.95 พันล้านบาท จ่อรับรู้ส่งมอบรถไฟฟ้าไร้คนขับมูลค่า 2 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SUN (Bloomberg Consensus - บาท)   ข้าวโพดกระป๋องขายดี ยอดส่งออกทะลัก ในกลุ่มเอเชียและยุโรป เล็งอัพกำลังการผลิตทะลุ 70% ด้านผู้บริหารเผยตุนออเดอร์ยาวถึงกลางปีหน้าแล้ว เชื่อผลงานครึ่งปีแรกเป็นไปตามเป้า ส่วนครึ่งปีหลังโตต่อ ส่งซิกมีลุ้นพลิกบวก จากปีก่อนที่ขาดทุน 41.88 ล้านบาท เล็งปรับเป้ารายได้จากเดิมที่คาดโต 15-20% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TPOLY (Bloomberg Consensus - บาท) แววผลงาน Q3/2563 เด่น เดินหน้าชิงงานโครงการใหญ่กว่า 2 พันล้านบาท มั่นใจแบ็กล็อกสิ้นปีแตะ 4 พันล้านบาท ครึ่งปีหลังบุ๊กรายได้จาก Backlog เฉลี่ย 600 ล้านบาทต่อไตรมาส ด้านธุรกิจไฟฟ้าเตรียม COD 4 โครงการใน Q3/2563 แย้มผลงานปีนี้ทุบสถิติใหม่ คงเป้ารายได้รวมเติบโตปีนี้ตามนัด 10% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BDMS (Bloomberg Consensus 24.35 บาท) แย้มไตรมาส 3 ผลงานเด้งขึ้นจากไตรมาส 2 ชี้ยอดผู้ป่วยกลับมา เลิกกลัวโควิด ล่าสุดผนึก "วิริยะ" คลอดประกันสุขภาพผู้ป่วยชุดใหม่ ใส่เกียร์เพิ่มลูกค้ากลุ่มประกันต่อเนื่อง หวังอัพสัดส่วนแตะ 40% ในปี 2566 ด้านโบรกเกอร์ชี้เด่นคาดฟื้นตัวเร็วกว่าเพื่อน แนะนำ "ซื้อ" เคาะเป้า 27.00 บาท (ที่มา ทันหุ้น)