ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร+โอเปคหนุน

ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร+โอเปคหนุน

สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวขึ้นกว่า 92.85 จุด หรือ 6.9% คล้ายกับตลาดหุ้นโลก ที่มีปัจจัยบวกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง

ประกอบกับในประเทศยังเห็นแรงซื้อในกลุ่มที่ยัง laggard ดัชนี อาทิกลุ่มแบงก์ และรับเหมาก่อสร้าง นอกจากนี้ กลุ่มนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อต่อเนื่อง โดยวันศุกร์ SET Index ปิดที่ 1,435.7 จุด (+24.69 จุด) Volume 1.2 แสนลบ. ต่างชาติ +52.23 ลบ. TFEX Net -15,224 สัญญา ตราสารหนี้ +623 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ดัชนีดาวโจนส์ปิด +829.16 จุด +3.15% ได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรแข็งแกร่งเกินคาด ทำให้เชื่อมั่นว่าศก.สหรัฐเริ่มฟื้นตัว และได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบ WTI ก่อนการประชุมของโอเปกพลัส ในรอบสัปดาห์ +6.8%

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 2.14 ดอลลาร์ +5.7% ปิดที่ 39.55 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากกลุ่มโอเปกพลัสจะนัดประชุมกันในวันเสาร์ที่ 6 มิ.ย.) หารือขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน และการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ ในรอบสัปดาห์ +11.4%

+กลุ่มโอเปกพลัสบรรลุข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ถึงสิ้นเดือนก.ค.

+รัฐบาลญี่ปุ่นปรับเพิ่มประมาณการ GDP Q1 เป็นหดตัว 2.2% จากเดิมหดตัว 3.4%

+สถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทยไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศติดต่อกันนาน 14 วันแล้ว ถ้านานถึง 28 วันถึงจะจัดได้ว่าไทยเข้าสู่ระยะเสี่ยงต่ำ

+หลังคลาย lockdown เฟส 3 ประเทศไทยมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น

-สนง.ศุลกากรจีนเผยยอดส่งออกเดือนพ.ค.หดตัว 3.3% ขณะยอดนำเข้าแย่สุดในรอบ 4 ปี

+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดบวก 11.55 จุด +0.40%

+ดัชนีนิกเกอิปิดเพิ่มขึ้น 167.99 จุด +0.74% เช้านี้เปิด +258.25 จุด

+ทองคำลงจากนักลงทุนซื้อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น

*จับตาทีมเศรษฐกิน ก.คลัง – ธปท. ตลท. สภาพัฒน์ ประเมินผลมาตรการและสถานการณ์เศรษฐกิจเพื่อวางแผนการใช้เงินงบประมาณ ส่วนสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อตามทิศทางตลาดโลก หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่งขึ้น 2.5 ล้านตำแหน่ง สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ว่าการจ้างงานอาจลดลง 8.33 ล้านตำแหน่ง ประกอบกับกลุ่มโอเปกพลัสบรรลุข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,430-1,450 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

SAPPE – Analyst Meeting มุมมอง “Neutral” Bloomberg Consensus 21.30 บาท

(-) แนวโน้ม 2Q63 คาดหดตัว YoY และ QoQ โดยผลประกอบการยังคงได้รับผลกระทบจาก 2 ประเด็น คือ 1) สถานการณ์ COVID-19 ที่มีการประกาศ Curfew ตั้งแต่ช่วงปลาย มี.ค. ทำให้เศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคภายในประเทศใน 2Q63 ชะลอลง และ 2) คาดผลประกอบการจะยังถูกกระทบจากภาษีน้ำตาล แม้บริษัทมีแผนรองรับแล้ว แต่ยังรอความชัดเจนจากภาครัฐอีกครั้งในช่วง 2H63 ขณะที่เครื่องดื่ม B’lue รสชาติใหม่ Cactus ที่เพิ่งเปิดตัวช่วง มี.ค. ที่ผ่านมาได้รับกระแสตอบรับค่อนข้างดี

(+/-) เรามีมุมมอง Neutral ต่อแนวโน้มผลประกอบการทั้งปี 63 โดย ผบห.ปรับเป้าการเติบโตของยอดขายโตเป็นทรงตัวจากปีที่ผ่านมา (จากเดิมคาดโต 10%) เนื่องจาก 2 ประเด็นข้างต้น อย่างไรก็ดี คาด 2H63 มีแนวโน้มฟื้นตัวจากฐานต่ำ พร้อมทั้งคาดว่าเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย ประกอบกับคาดหวังการ Launch ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เยอะกว่าครึ่งปีแรก โดย Bloomberg คาดกำไรทั้งปี 63 เฉลี่ย 405 ลบ. +0.48%

 

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ดี (WICE TASCO CPF)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากรัฐออกแพคเกจกระตุ้นเที่ยวในประเทศ (ERW CENTEL AOT AAV BA)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการผ่อนคลาย Lockdown เฟส 3 (SPA MAJOR CRC CPN SF HMPRO)

ส่องหุ้น

       SPA        แนวรับ 7.85 , 7.60 บาท             แนวต้าน 8.25 , 8.95 บาท

       MAJOR    แนวรับ 17.70 , 17.40 บาท         แนวต้าน 18.30-18.60 , 19.30 บาท

       MVP        แนวรับ 1.24-1.22 บาท              แนวต้าน 1.28 , 1.34 บาท

หุ้นมีข่าว   

(+) หุ้นเข้าFTSE รอบใหม่มีผล22มิ.ย.นี้ หลักทรัพย์ที่เข้าใหม่ในดัชนี FTSE SET Large Cap Index มี 2 หลักทรัพย์ใหม่ ได้แก่ CRC DIF  ส่วนดัชนี FTSE SET Mid Cap Index มี 6 หลักทรัพย์ใหม่ ได้แก่ ACE BAM IMPACT LH MINT TQM  ขณะที่ดัชนี FTSE SET Shariah Index มี 9 หลักทรัพย์ใหม่ ได้แก่ ACE  AI CPNCG PR9 SABINA SPCG TOP TTCL และ UV (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) SAWAD (Bloomberg Consensus 56.26 บาท)  มั่นใจพอร์ตสินเชื่อปีนี้โต 20-30% ตามเป้า แม้ผลงานไตรมาส 2/63 ชะลอจากโควิด-19 พร้อมเตรียมเงินไถ่ถอนหุ้นกู้ครบกำหนดในไตรมาส 3/63 วงเงิน 1.7-1.8 พันล้านบาท ยันสภาพคล่องเพียงพอ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) STA (Bloomberg Consensus 22.52 บาท)  ลั่นผลงานไตรมาส 2/63 โตเด่น รับตลาดยางดี-ยอดขายถุงมือยางทะลัก คงเป้าปีนี้ปริมาณขายยาง 1.3-1.7 ล้านตัน เติบโต 7-8% ส่วนยอดขายถุงมือยางพุ่ง 15-20% แตะ 28,000-29,000 ล้านชิ้น ส่ง STGT เข้าเทรดใน SET ต้นก.ค.นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+/-) AMATA (ราคาเหมาะสม 15.67 บาท)   ตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ 950 ไร่ ใช้ไลฟ์โดรนให้ผู้ประกอบการเข้าดูพื้นที่แทนการเข้าชมพื้นที่จริง ลุ้นผลงานครึ่งปีหลังฟื้น! รับผ่อนคลายล็อกดาวน์ หนุนนักธุรกิจกลับเข้ามาโชว์แบ็กล็อก 2,486 ล้านบาท บุ๊กปีนี้ 60-80%  (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) ICN (Bloomberg Consensus - บาท) คว้างานติดตั้งอุปกรณ์โครงข่าย IP Access Network ภาคอีสานของกฟภ. 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 172 ล้านบาท ดันแบ็กล็อกพุ่ง 1,300-1,400 ล้านบาท จ่อเซ็นสัญญาโครงการใหม่เพิ่มอีกกว่า 800 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) MEGA (Bloomberg Consensus 35.50 บาท)   รับอานิสงส์ผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น เผยยอดขายวิตามิน-ยา พุ่งแรง มั่นใจรายได้ปีนี้ เติบโตที่ 5-10% เผยโรงงานบางปูใกล้เสร็จ เล็งขยายฐานต่างแดนโฟกัส มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เมียนมา ฟากโบรกชอบแผนธุรกิจที่เน้นสร้างการเติบโตในประเทศกำลังพัฒนามีการแข่งขันไม่รุนแรง แนะนำ ซื้อ คงราคาเป้าหมาย 36.00 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) JMART (Bloomberg Consensus 8.00 บาท) จับตาธุรกิจกลุ่ม JMART หลังตระกูลสุขุมวิทยาลุยซื้อหุ้นต่อเนื่อง จำนวนรวม 27,056,979 หุ้น ในช่วงราคาระหว่าง 8.15-9.22 บาท สะท้อนความเชื่อมั่นในกลุ่มธุรกิจ และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BA (Bloomberg Consensus 7.96 บาท) ลั่นพร้อมเป็น  Lead Firm ผนึก BTS, STEC เซ็นสัญญาโครงการสนามบินอู่ตะเภา 19 มิถุนายนนี้ ประกาศลุยทันทีลงทุนเฟส 1 มูลค่า 4 หมื่นล้านบาท STEC รับงานก่อสร้าง 2 หมื่นล้านบาท STEC ลั่น!...โครงการผ่าน EIA ลงมือทันที มั่นใจเปิดให้บริการปี 2567 ส่วนเส้นทางบินในประเทศผลตอบรับดี (ที่มา ทันหุ้น)