'สหรัฐ' ยืนหนึ่ง พัฒนา 'วัคซีน'

ขณะนี้ทั่วโลกกำลังแข่งกันพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) เผยว่านักวิจัยในสหรัฐกำลังพัฒนาวัคซีนมากกว่าประเทศใดๆ ในโลก

เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงานวานนี้ (5 มิ.ย.) อ้างถึงข้อมูลล่าสุดจาก WHO ว่าด้วยโครงการพัฒนาวัคซีนทั่วโลก เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ว่า ปัจจุบันทั่วโลกกำลังทดลองวัคซีนอย่างน้อย 133 ตัว เป็นของหน่วยงานในสหรัฐมากที่สุด 42 ตัว รองลงมาคือหน่วยงานวิจัยจีน 19 ตัว เท่ากับว่าจีนกำลังพัฒนาวัคซีนมากเป็นอันดับ 2

ในบรรดาวัคซีน 133 ตัวนั้น 10 ตัวกำลังอยู่ในขั้นทดลองทางคลินิก (ทดลองในมนุษย์) อีก 123 ตัวอยู่ในขั้นพรีคลินิก วัคซีนจีนอยู่ในขั้นทดลองทางคลินิกมากที่สุดโดยสหรัฐตามมาติดๆ

หนึ่งในนั้นคือวัคซีนจากโมเดิร์นนา บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสหรัฐ ที่เผยว่าการทดลองช่วงแรกๆ เมื่อเดือนก่อนได้ผลดี แต่ต่อมาผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนพากันตั้งข้อสงสัยข้อมูลที่โมเดิร์นนาให้ ประธานโมเดิร์นนาเผยกับซีเอ็นบีซีว่าบริษัทไม่เคยให้ข้อมูลวัคซีนแตกต่างไปจากความเป็นจริง

วัคซีนอีกตัวที่กำลังทดลองในมนุษย์พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในอังกฤษ ร่วมมือกับบริษัทยายักษ์ใหญ่ “แอสตร้า เซนเนก้า” ถ้าสำเร็จจะแจกจ่ายวัคซีน 30 ล้านโดสในสหราชอาณาจักร โครงการนี้เพิ่งได้เงินทุนสนับสนุน 1,000 ล้านดอลลาร์จากรัฐบาลสหรัฐ

ขณะที่วัคซีนอีกอย่างน้อย 123 ตัวทั่วโลกยังอยู่ในขั้นพรีคลินิกขั้นต้นๆ หมายความว่าอาจไม่ได้นำมาทดลองในมนุษย์ก็ได้ หลายโครงการเป็นความร่วมมือข้ามพรมแดน หมายถึงมีนักวิจัยมากกว่า 1 ประเทศเข้ามามีส่วนร่วม

ถ้าพิจารณาเป็นรายภูมิภาค ยุโรปพัฒนาวัคซีนโควิด-19 มากที่สุด โดยผู้เชี่ยวชาญจาก 56 สถาบันในอเมริกาเหนือมีโครงการวัคซีน 54 โครงการ เอเชียแปซิฟิกพัฒนาวัคซีน 25 ตัว

แม้นักวิทยาศาสตร์หลายร้อยคนกำลังหาวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอาจไม่ได้วัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างได้ผลเลยก็ได้ และวัคซีนที่สำเร็จก็ต้องรอราว 12-18 เดือนจึงจะปลอดภัยพอจะนำมาวางตลาด และแม้จะได้วัคซีนพร้อมใช้แล้ว ความท้าทายสำคัญอีกประการหนึ่งคือปัญหาด้านโลจิสติกส์ในการกระจายวัคซีนสู่ประชากรโลกให้ได้มากเพียงพอ