'สวมหน้ากาก-รักษาระยะห่าง' คลายล็อกแล้ว ยังจำเป็น

'สวมหน้ากาก-รักษาระยะห่าง' คลายล็อกแล้ว ยังจำเป็น

แม้ไทยจะมีมติผ่อนคลายล็อกดาวน์ในเฟสที่ 3 เป็นที่เรียบร้อย ยังไม่สามารถไว้วางใจได้ 100% ว่า จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไม่ให้เพิ่มจำนวนมากขึ้น เพราะเรายังไม่มีวัคซีนรักษา ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ คือ การรักษามาตรฐานการป้องกันโรคที่เข้มงวด

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีมติผ่อนคลายล็อกดาวน์ในเฟสที่ 3 เป็นที่เรียบร้อย แต่ยังมีในส่วนมาตรการบังคับ คือ ให้ลดเวลาการห้ามออกนอกเคหสถานจากเวลาเดิม 23.00-04.00 น. เป็น 23.00-03.00 น. เริ่ม 1 มิ.ย. 63 เป็นต้นไป และยังคงควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักรทุกช่องทาง เพื่อป้องกันนำเชื้อโรคมาจากต่างประเทศ 

ส่วนการเดินทางข้ามจังหวัด 1 มิ.ย. เปิดให้เดินทางได้ แต่ไม่เสรีมาก ห้างสรรพสินค้า ขยายเวลาเปิดจาก 20.00 น. เป็น 21.00 น. ทั้งยังมีการผ่อนคลายหลายกิจกรรม แต่มีเงื่อนไขในการให้บริการ เช่น ในส่วนอาคารสถานที่ เปิดให้สถาบันการศึกษาเพื่อใช้การคัดเลือก สอบคัดเลือก อบรมระยะสั้น ยังไม่เปิดให้มีการเรียนการสอน 

โรงเรียนนอกระบบ โรงเรียนเอกชน วิชาชีพ ศิลปะการกีฬา ก็เปิดเช่นกัน ขณะที่ห้างสรรพสินค้าจะขยายเวลาเปิดเป็น 21.00 น. เปิดศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุมไม่เกิน 2 หมื่นตารางกิโลเมตร ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม เปิดให้ทำสีผมได้ แต่ห้ามนั่งรอในร้าน โรงภาพยนตร์ และอีกหลายกิจกรรม ที่อนุญาตให้เปิดบริการได้ ซึ่งต้องมีมาตรการกำกับดูแล มีเงื่อนไขการเข้ารับบริการ จำกัดจำนวนคน

การคลายล็อกในเฟส 3 นี้แทบจะถือได้ว่า อนุญาตเกือบทุกธุรกิจ ให้สามารถกลับมาประกอบกิจการได้อีกครั้ง หลังจากบางกลุ่มต้องล็อกดาวน์ไปกว่า 2-3 เดือน สะเทือนเศรษฐกิจไปทั้งระบบ การจ้างงานที่ลดลง บางธุรกิจต้องตัดสินใจปิดกิจการทั้งชั่วคราว และถาวร กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก แต่การคลายล็อกในเฟสล่าสุดนี้ ก็ยังมีความสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคที่ค่อนข้างสูงมาก ซึ่งจะน่ากังวลมากขึ้น ถ้าหลายธุรกิจ หลายบริการที่ได้รับอนุญาตให้คลายล็อกครั้งนี้ “หย่อนยาน การ์ดตก” 

จนถึงวันนี้ เราก็ยังไม่สามารถไว้วางใจได้ 100% ว่า จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไม่ให้เพิ่มจำนวนมากขึ้น เพราะเรายังไม่มีวัคซีนรักษา ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ คือ การรักษามาตรฐานการป้องกันโรคที่เข้มงวด อย่างที่เราเคยปฏิบัติกันมาให้ได้อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ต้องทำให้ติดเป็นนิสัย และเป็นเรื่องง่ายๆ คือ การสวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ ถ้าทำได้ครบ ก็จะสามารถป้องกันได้มากเกิน 90% แล้ว

ขณะที่ ภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องทำความเข้าใจ สื่อสารให้ชัด ถึงแนวทางการกำกับดูแล ในช่วงการคลายล็อกเฟส 3 นี้ ซึ่งต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ธุรกิจ บริการ อย่าเพิ่ง “ผยอง” พวกเราทุกฝ่ายที่เป็นหัวเรือหลักในการกระตุ้นกิจกรรม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ต้องร่วมแรง ร่วมใจ ค่อยๆ พลิกสถานการณ์ที่วิกฤติ ให้คืนกลับมาเป็นปกติอย่างระมัดระวัง และไม่ประมาท