Food and Beverage (28 พ.ค.63)

Food and Beverage (28 พ.ค.63)

สถานการณ์หนักหน่วง: จะรอดหรือจะล้ม

Event

สรุปผลประกอบการ 1Q63 และแนวโน้มระยะต่อไป

lmpact

ผลประกอบการของบริษัทเครื่องดื่มดีขึ้น นำโดย CBG

จากผลประกอบการงวด 1Q63 ของบริษัทในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม เราพบว่าผลประกอบการของบริษัทเครื่องดื่มส่วนใหญ่ดีขึ้นเนื่องจากต้นทุนการผลิตลดลง และสามารถขยายธุรกิจส่งออกได้ โดยกำไรของ CBG เติบโตในอัตราที่สูงที่สุด (+91% YoY) เพราะราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นกดให้ต้นทุนการผลิตลดลง ในขณะที่ความได้เปรียบด้านต้นทุนก็ทำให้บริษัทสามารถเร่งเจาะตลาดส่งออกในเมียนมาร์และกัมพูชาได้ ส่วนผลประกอบการของ OSP ก็ดีขึ้น (+12%YoY) จากการขยายธุรกิจในประเทศ โดยสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของ C-Vitt และ M-150 ได้ แต่เสียส่วนแบ่งตลาดในเมียนมาร์ไปให้กับ CBG ทั้งนี้ ในส่วนของ SAPPE สามารถเพิ่มปริมาณการส่งออกได้แต่ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนกลับฉุดผลประกอบการเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของธุรกิจร้านอาหาร M/ZEN ถูกกระทบจากการที่ SSSG ติดลบหนักถึง -20%/-26.5% YoY ในขณะที่การนำมาตรฐานบัญชี TFRS 16 มาใช้ก็ยังทำให้ค่าใช้จ่ายของ ZEN เพิ่มขึ้นประมาณ 15 ล้าบนาท และของ M เพิ่มขึ้น 25 ล้านบาท

 

บริการจัดส่งอาหาร (delivery) ที่อยู่ในระดับต่ำกดดันทั้ง ZEN และ M มากขึ้นใน 2Q63

เราพบว่าภาวะตลาดใน 2Q63 แย่ลงจาก 1Q63 โดย SSSG ของธุรกิจร้านอาหารยังลดลงไปอีก ซึ่งผู้บริหารประเมินว่าจะติดลบหนักถึง -70% ถ้าหากว่ามีการปิดร้านทั้งหมดเต็มไตรมาสใน 2Q63 หรือ ประมาณ 50% ในกรณีที่มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมบางส่วนในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม เราคิดว่าทั้ง M และ ZEN ยังคงถูกกดดันหนักขึ้นใน 2Q63 ซึ่งแม้ว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการ lockdown และมีการอนุญาตให้ร้านอาหารกลับมาเปิดให้บริการได้ในกลางเดือนพฤษภาคม แต่ SSSG ก็ยังไม่เพิ่มขึ้นมากนักเพราะยังคงมีข้อจำกัดในเรื่องเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) ในขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนไปใส่ใจกับสุขอนามัยมากขึ้น มีการใช้บริการ delivery มากขึ้นเพื่อจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการในร้าน ทั้งนี้ หลังจากที่เราทบทวน SSSG ของ ZEN, M และร้านอาหารอื่น ๆ ในเครือของ CENTEN และ MINT ก็พบกว่า SSSG ติดลบที่ -9.5%/-7% (เฉพาะ QSR ในประเทศไทย) ซึ่งชี้ว่าธุรกิจร้านอาหารอย่าง ZEN และ M ซึ่งมีสัดส่วนธุรกิจ delivery <10% น่าจะยังคงถูกกดดันต่อไป

... แต่ผลประกอบการของ CBG และ TKN ยังไปได้สวย

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของ TKN CBG กลับดีขึ้นเนื่องจากธุรกิจส่งออก โดยในกรณีของ CBG บริษัทมีแผนจะสร้างโมเมนตั้มการเติบโตของอุปสงค์เครื่องดื่ม Vitamin C ในช่วงที่ Covid-19 ระบาดและได้รับการตอบรับอย่างดีจากการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ C-Lock นอกจากนี้ บริษัทก็ยังมีแผนจะรุกเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในเมียนมาร์ ซึ่งจะช่วยให้ทั้งยอดขายและ margin เพิ่มขึ้น ส่วนในกรณีของ TKN การฟื้นตัวของยอดส่งออกไปจีนจะช่วยหนุนให้ธุรกิจส่งออกฟื้นตัวขึ้น ในขณะที่การคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานก็จะช่วยให้ผลประกอบการดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เรายังคงเป็นห่วง SAPPE ในแง่ของการขยายธุรกิจส่งออกในช่วงที่ Covid-19 ระบาด.