‘เรมเดซิเวียร์’ ความหวังสู้ 'COVID-19' 

นับตั้งแต่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ สาเหตุของโรคโควิด-19 ครั้งแรกเมื่อปลายเดือน ธ.ค. นับถึงวันนี้ผ่านไปกว่า 4 เดือน พร้อมกับยอดผู้เสียชีวิตที่ยังพุ่งไม่หยุด วัคซีนป้องกันยังไม่มีวี่แวว ที่พึ่งเดียวขณะนี้คือยารักษาซึ่งโลกก็พอจะมีความหวังอยู่บ้างที่การทดลองใช้ยาต้านไวรัส “เรมเดซิเวียร์” กับคนไข้ได้ผลอย่างมีนัยสำคัญ

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า การทดลองทางคลินิกโดยสถาบันโรคติดต่อและโรคภูมิแพ้แห่งชาติของสหรัฐ (เอ็นไอเอช) จากผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 1,063 คน ใน 68 ประเทศ แบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกได้รับยาต้านไวรัส “เรมเดซิเวียร์” ฉีดเข้าเส้นเลือดดำ อีกกลุ่มใช้ยาหลอก พบว่า กลุ่มที่ได้รับเรมเดซิเวียร์หายเร็วกว่ากลุ่มหลัง 31% ถือเป็นบทพิสูจน์แรกบ่งบอกถึงความสำเร็จในการรักษาโรคใหม่

แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการเอ็นไอเอช  ผู้ดูแลการศึกษา แถลงว่า ผลการศึกษาชี้ชัดอย่างมีนัยสำคัญ ยาเรมเดซิเวียร์ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น ตัวเลข 31% ถือว่ามีนัยสำคัญ เขาเปรียบเทียบการทดลองครั้งนี้กับตอนทดลองยารักษาเอชไอวีเมื่อปี 2529 

“เราพยายามหายาเอชไอวีให้ได้ ตอนนั้นไม่มีอะไรเลย”

เรมเดซิเวียร์ ผลิตและพัฒนาโดยบริษัทจิเลียด ไซเอนเซส ( Gilead Sciences ) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองฟอสเตอร์ซิตี ในรัฐแคลิฟอร์เนีย  เคยทดลองรักษาไวรัสอีโบลาแต่ไม่สำเร็จ และเคยใช้ทดลองกับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มเล็กๆ ในเมืองอู่ฮั่นของจีน จุดแรกที่ตรวจพบโควิด-19 ซึ่งองค์การอนามัยโลกเผยเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าการทดลองนี้ให้ผลจำกัด

เมื่อการทดลองได้ผลเป็นที่น่าพอใจ สำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) เผยว่า กำลังหารือกับจิเลียด เรื่องการผลิตยาให้พร้อมรักษาผู้ป่วยโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ แต่เอฟดีเอไม่ได้ให้ความเห็นเรื่องการอนุมัติยา ผู้สื่อข่าวสอบถามประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าอยากให้เอฟดีเออนุมัติยาเรมเดซิเวียร์โดยด่วนหรือไม่

“ผมอยากให้ทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราอยากได้ทุกอย่างที่ปลอดภัย แต่เราก็อยากให้อนุมัติเร็วๆ โดยเฉพาะยาที่ใช้ได้ผล” ผู้นำสหรัฐกล่าว 

ด้าน ไมเคิล ไรอัน เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ปฏิเสธไม่ให้ความเห็นต่อผลการทดลองล่าสุด กล่าวเพียงว่า เขายังไม่ได้อ่านผลการศึกษาทั้งหมด

“เราทุกคนต่างตั้งความหวัง หวังกันมากว่าวิธีรักษาที่เราสังเกตและทดลองกันอยู่ตอนนี้น่าจะได้ผลสักหนึ่งวิธีหรือมากกว่านั้น และช่วยลดการเสียชีวิตได้” เจ้าหน้าที่ดับเบิลยูเอชโอกล่าว